ทนายเดชา เผยคู่กรณีของแสตมป์ ยันลุยต่อคดี 112 มอบหลักฐานให้ปากคำกองทัพแล้ว ชี้ไม่ได้ข่มขู่
จากกรณีที่ก่อนหน้านั้น ทาง ทนายเดชา ไลฟ์สดผ่าน เพจ ทนายคลายทุกข์ พูดถึงกรณีที่ แสตมป์ ออกมาโพสต์ล่าสุดตอนหนึ่ง ว่า สิ่งที่แสตมป์ โพสต์ยังมีการใส่ร้ายอยู่ การข่มขู่ว่าจะดําเนินคดีตามกฎหมาย จะดําเนินคดีกับบุคคลที่หมิ่นสถาบัน คือการใช้สิทธิตามปกตินิยม ถ้าแสตมป์ ไม่ได้หมิ่นจะกลัวอะไร
ทั้งนี้ ตามมาตรา 165 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งบัญญัติไว้ว่า การขู่ว่าจะใช้สิทธิ ตามปกตินิยม ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ การใดที่กระทําไปเพราะนับถือยําเกรง ไม่ถือว่าการนั้น ได้กระทําเพราะถูกข่มขู่ ดังนั้น ถ้ามีข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน นายพล ทํางานอะไรคุณน่าจะทราบ จะดําเนินคดีกับคุณ มันผิดตรงไหน? ถ้าเขาพูดจริง ก็ไม่ถือว่าเป็นการข่มขู่ ดังนั้น คุณจะกลัวอะไรถ้าไม่ได้หมิ่นสถาบัน
ส่วนที่ระบุว่า ผมถอนฟ้องให้ทั้งหมดเนื่องจากถูกข่มขู่ด้วย ม.112 ซึ่งมีพยานวัตถุเป็นแชต ของผมกับ จ. แสดงว่ามีพยานหลักฐานปรากฎชัด ซึ่งถามว่า คุณจะรอดหรือ? อย่างไรก็ตาม ทั้งนี้คุณมีส่วนร่วมหรือไม่ ที่ทําให้ จ. ถูกฟ้อง จน ต้องจ่าย 1 ล้านบาท คุณมีส่วนร่วมที่ จะรับผิดชอบด้วยหรือไม่? เพราะการที่นอกใจภรรยา และการที่ทําให้ผู้หญิงอีกคนถูกฟ้องเป็นธรรม หรือไม่? มีการขอโทษครอบครัวผู้หญิงหรือไม่? คุณไม่ต้องรับผิดชอบเหรอเพราะคุณไปยุ่งกับเขา และได้แสดงความรับผิดชอบต่อผู้หญิงทั้ง 2 ครอบครัวหรือไม่?
ทั้งนี้ถึงแม้ท่านนายพลไม่เอาเรื่อง แต่ยังมีนักร้องรออยู่ เช่น สนธิญา เป็นต้น เดี๋ยวลูกความผมจะมา จะหารือว่าจะดําเนินการอย่างไรต่อไป ทุกการกระทํามีผลตามมา ขอโทษ แล้วจบหรือไม่ ตนไม่รู้ ดังนั้น หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐา
ล่าสุด ทนายเดชา แถลงข่าว กรณีของคู่กรณีฝ่ายหญิง แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข มาปรึกษาคดีความต่าง ๆ และได้ยกเลิกการแถลงข่าวทั้งหมด เนื่องจากพอใจคำขอโทษ ของแสตมป์
โดย ทนายเดชา กล่าวว่า ตนได้ประชุมกับทางทีมที่ปรึกษาและครอบครัวของคู่กรณีฝ่ายหญิง ซึ่งมีทั้งหมด 4 คดี คดีแรก ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี คดีอาญาหมิ่นประมาท แสตมป์เป็นโจทก์ฟ้อง คดีที่ 2 ศาลแขวงดุสิต คดีหมิ่นประมาท คดีที่ 3 ศาลแพ่งเรียกค่าเสียหาย 2 ล้านบาท และคดีที่ 4 ศาลเยาวชนกลาง เป็นคดีของภรรยาแสตมป์เรียกร้องค่าเสียหายฟ้องชู้ ซึ่งมีการถอนฟ้องทั้งหมด 3 คดีในคดีหมิ่นประมาท ส่วนคดีที่ศาลเยาวชนกลางศาลไกล่เกลี่ย จำยอม ซึ่งคดีทั้งหมด 4 คดีถึงที่สุดแล้ว
ปัจจุบันหลังจากมีการแถลงข่าวขอโทษจากทางแสตมป์แล้ว และอีกฝ่ายก็ไม่ได้ติดใจดำเนินคดีความอะไร พอใจกับคำขอโทษ ขอยุติเรื่องทั้งหมด ยกเว้นเรื่องคดีหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 ซึ่งได้ไปให้การต่างๆเรียบร้อยแล้ว ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยครอบครัวของคู่กรณีฝ่ายหญิงจะไปให้การกับทางกองทัพ ซึ่งเป็นหน้าที่ของกองทัพว่าจะต้องดำเนินการอย่างไร ในเรื่องมาตรา 112 โดยในคดีนี้ มีพยานหลักฐานข้อความแชต ตรงกับที่ทางคุณแสตมป์โพสต์ว่าพูดจาพาดพิงถึงสถาบัน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางกองทัพและกระทรวงกลาโหมดำเนินการ
การขู่ยัดคดีมาตรา 112 ทางครอบครัวยืนยันว่าไม่มีการคุกคามหรืออ้างมาตรา 112 ไปข่มขู่คุณแสตมป์เลย แต่อาจจะมีการแจ้งให้เห็นว่าการแสดงความคิดเห็นการสนทนา มันต่อการละเมิดสถาบัน ซึ่งนี่ไม่ใช่การข่มขู่ แต่เป็นการแจ้งว่าการกระทำของแสตมป์ มันหมิ่นเหม่ ในเรื่องมาตรา 112 ซึ่งเป็นสิทธิของประชาชนที่จะต้องปกป้องสถาบัน มันเป็นคดียอมความไม่ได้ ต้องว่าไปตามกฎหมาย ส่วนช่วงเวลาที่มีการพูดหมิ่นเหม่ ถึงมาตรา 112 นั้น ตนไม่ทราบช่วงระยะเวลาที่ชัดเจน แต่เป็นช่วงที่มีการฟ้องร้องคดีครอบครัวกัน และหลักฐานค่อนข้างชัดเจน
ณ วันนี้ไม่ติดใจเอาความ แต่ถ้าหลังจากนี้ไปให้สัมภาษณ์สื่อแล้วกระทบกับทางคู่กรณีฝ่ายหญิงและครอบครัว ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป แต่ถ้าหากอีกฝ่ายหยุด เขาก็หยุด ส่วนเรื่องต้องจ่ายค่าชดเชยที่เหลืออีก 900,000 บาท จะต้องรอหลังจากวันนี้ว่าจะดำเนินการยังไงต่อ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์นั้น ไม่ได้สอบถาม เพราะว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ในสัญญายอมคู่กรณีฝ่ายหญิงไม่ได้ยอมรับว่าเป็นชู้ แต่ยอมรับที่จะจ่ายค่าทดแทนจำนวน 1 ล้านบาท อ้างว่าถูกกดดันจากคู่กรณี ว่าไปกดดันกับทางแฟนคนปัจจุบัน ทำให้แฟนไม่สามารถหางานได้ จึงต้องการจบเรื่องทุกอย่าง
หลังจากมีการทำคดีพิพากษาจำยอม ทั้งพ่อของคู่กรณีฝ่ายหญิง ไม่เคยเจอคุณแสตมป์และไม่เคยไปข่มขู่ คุกคามเลย ส่วนกระแสที่ว่าไปหาที่บ้านแม่ของคุณแสตมป์นั้น ตนไม่ทราบ ทั้งนี้ อีกฝ่ายก็สงสัยว่าคดีนี้ในเมื่อจำยอมแล้ว แสตมป์เป็นคนไปถอนฟ้องเอง โดยที่ไม่ได้มีการตกลงอะไรกันเป็นพิเศษด้วย ทำไมถึงไปพูดบนคอนเสิร์ตต่ออีก
ส่วนที่มีหลายคนตั้งคำถามว่าการนำคำพิพากษามาโพสต์ลงโซเชียลฯ ลักษณะนี้ จะไม่มีความผิด ทนายเดชายืนยันว่าไม่มีความผิด เพราะคนที่โพสต์เป็นแฟนคู่ความ เสมือนเป็นผู้รับมอบอำนาจ เมื่อโดนกล่าวหาให้เสียหาย ก็ต้องชี้แจง