หยา จรรยา อยู่วงการ 20 ปี ได้ดีเพราะบทคนรับใช้

หยา จรรยา อยู่วงการ 20 ปี ได้ดีเพราะบทคนรับใช้

แจ้งเกิดในวงการบันเทิง คือ บทคนใช้ สำหรับ หยา จรรยา ตลอดการทำงานในเส้นทางนี้มากว่า 20 ปี ซึ่งมีหลากหลายตัวละครสาวใช้ที่เธอรับหน้าที่สร้างโลกของพวกเขาให้กลายเป็นจริงจากหน้ากระดาษของบทละคร จนผู้จัดหลายคนไว้วางใจและเราอาจเรียกเธอได้อย่างเต็มปากว่า เจ้าแม่คนใช้ ตัวจริง

แต่ภายใต้บทคนใช้ขี้เมาท์ น่าสงสาร เสี้ยมเจ้านาย น่าตบเป็นคนแรก หยา จรรยา ที่ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 เผยว่าสิ่งที่เธอได้เจอกับการรับบทเป็นคนใช้คือ คนดูรู้สึกไปกับการแสดงของเธอจนปฏิบัติตัวเหมือนตัวเองเป็นตัวละครจนทำให้เกือบคิดอำลาวงการ

จริงๆ มันผ่านเวลามานานมากแล้ว 10 กว่าปี ช่วงนั้นคือเข้าวงการมาได้สักช่วงหนึ่ง มีความรู้สึกว่าเรากำลังหลงทางเรามีตรรกะที่ผิดกับชีวิตการแสดง กับการทำงาน เพราะตอนนั้นในฐานะนักแสดงจริงๆ เราต้องศรัทธาในอาชีพ แต่ตอนแรกเราไม่ได้มองว่าการแสดงคือ อาชีพ การเข้าวงการคือ อาชีพ

คือคิดว่านี่แค่งานไม่ใช่อาชีพ จนกระทั่งมันมีผลกระทบคือ บทบาทที่ได้รับตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้จะเป็นคนใช้ คือตอนนั้น หยา โชคดีที่ หยา ได้ในสิ่งที่เรารักคือละครเวที แล้วเล่นละครเวทีอยู่ก็มีทีมเขียนบทของ อาบัณฑิต มาดูละครเรื่องนี้เพราะว่าผู้กำกับของหยา เป็นหนึ่งในทีมเขียนบทของเขาแล้วพอเขามาดูเขาก็เหมือนถูกใจเรา

แล้วช่วงนั้นเหมือนเป็นการเปลี่ยนถ่ายตัวละคร คือ ช่วงรุ่น พี่ท็อป พี่แจง พี่ผัด เริ่มจะฉันเหนื่อยมากเลยกับบทคนใช้ เขาเลยไม่ค่อยรับบทคนใช้ เขาเลยหาปั้นนักแสดงรุ่นใหม่เข้ามาก็เอาเราไปเล่น แล้วเรื่องแรกในชีวิตที่ได้แสดงคือ คนใช้ เดบิวต์พร้อมกับ พลอย เฌอมาลย์ เลยนะคะ เรื่องเดียวกันเลยเรื่องแรก

ความเป็นนักแสดงค่ะ ไม่ว่าตัวละครจะเป็นอะไรเราต้องเชื่อในตัวละคร เราต้องทำความเข้าใจในตัวละครนั้น เราจะใช้ทัศนคติ อคติของเราไปตัดสินตัวละครนั้นไม่ได้ ตอนที่หลงทางนั้นเราดันเอาสิ่งที่เรารู้สึก

โดยที่เอาสิ่งรอบข้างเข้าปฏิบัติต่อเราโดยที่เขามองเห็นเราเป็นคนใช้ เวลาเราไปเจอผู้ชม เขาจะเรียกเรา ไอ้ อี เหมือนเรียกเราเป็นตัวละครนั้นๆ จริงๆ เขารักเรา แต่ตอนนั้นเราแค่ว่าเรารู้สึกว่าทำไมเขาปฏิบัติต่อเราแบบนี้เราไม่ใช่คนใช้นะ ในชีวิตจริงๆ ของเรา พอสักนึงพอเราหลงไปกับสิ่งนี้ จริงๆ เราไม่ควรจะคิดแบบนี้

จนกระทั่ง พอจะไม่เล่นละคร เคยแบบว่ามีกองละครโทรมาแล้วเขาบอกว่าขอเช็คคิวหน่อย จันทร์ อังคาร พุธ นะคะ เราก็ถามเล่นเป็นอะไรคะ เล่นเป็นคนใช้ค่ะ ในใจเราพูดว่าอีกแล้วเหรอ อันนั้นคือครั้งแรกและครั้งเดียวและไม่เคยทำแบบนั้นอีกเลย เราก็บอกว่างั้นเช็คคิวเดี๋ยวนะคะ

เราก็บอกเขาไปว่าเสียดายจังคิวเต็มแล้วนะคะ เอาเป็นโอกาสหน้าเนอะเราค่อยมาร่วมงานกันใหม่ นั้นเป็นการโกหกครั้งแรก ที่จะไม่รับงานเพราะเราไม่อยากเป็นคนใช้แล้ว ตอนนั้นรู้สึกว่าพอแล้วบทอื่นได้ไหมที่ไม่ใช่เป็นคนใช้ แต่พอมันมีวิกฤตินี้ ที่เราบอกว่าเราพอแล้วเราจะไม่เล่นบทคนใช้แล้ว เพราะเราคิดว่าเราจะออกจากวงการ

คิดจะออกจากวงการเราโดนปฏิบัติแย่มากขนาดไหนถึงทำให้เราคิดว่าเราถึงกับคิดออกจากวงการ คือตอนนั้นเรายังเด็กด้วยเราไม่โอเคทำไมเราต้องมาทนให้คนมาปฏิบัติกับเราแบบนี้ คือ บางคนเขาก็เข้ามาในพื้นที่ของเราเกินไป เพราะบทบาทของเราเป็นบทที่คนเข้าถึงง่าย

พอเขาเจอเราเขาก็จะลืมว่าเราไม่ใช่ตัวละครนั้น เขาก็จะรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเราแล้วทำเราเหมือนเราเป็นคนใช้ในบทเลย เราก็เลยรู้สึกว่าเราสูญเสียความเป็นส่วนตัวเรา เราสูญเสียความเป็นตัวเองไปด้วย เราเคว้งคว้างอยู่ในช่วงนั้น งั้นก็คิดว่าจะจบอาชีพนี้จริงๆไปทำอาชีพอื่นดีกว่าว่าจะหนีไปเมืองนอกเลย

ตอนนั้นตั้งใจไปที่อเมริกาเลย คือจะไปเป็นคนแจกไพ่ที่ ลาสเวกัส เพราะรุ่นน้องไปอยู่ที่นั่นแล้ว เขาก็บอกว่าถ้าเบื่อไปหาเขาเลยเพราะรายได้ดีมากเราก็บอกว่าเราเล่นการพนันไม่เป็นนะ เขาบอกว่าไม่เป็นไรเขาไม่ได้ต้องการคนที่เล่นไพ่เป็นเขาต้องการคนที่ รู้กติกาเดี๋ยวเขาสอนให้ ยิ่งเล่นไม่เป็นยิ่งดี

และนั่นก็คือ ปณิธานของเราเลยใช่ไหมว่าเราจะต้องเป็นคนใช้ให้ดีที่สุด และ ก็ เป็นคนใช้ให้โลกจำ ใช่ค่ะ ตอนนั้นก็ไม่ได้ว่าเราต้องดังแต่แค่ว่าอยากตั้ง Goal อะไรบ้างอย่างให้กับชีวิตของตัวเอง คนจะต้องจดจำเราให้ได้ในฐานะ บทคนใช้ เพราะในทุกเรื่องของละคร พระเอก นางเอก จะไม่รู้ความลับเลยถ้าไม่มีคนใช้ (หัวเราะ) แต่ก็มีบทที่เรารับไม่ได้เล่นเป็นคนใช้บ้างนะคะ มีบทแม่ เพื่อนบ้าน คุณป้า แต่บทบาทที่รักที่สุดในตอนนี้ก็เป็น บทคนใช้ ค่ะ

เรียบเรียงโดย ทีมงาน zap dara

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ