เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่โลกออนไลน์เข้ามาแสดงความเห็น และให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก หลังผู้ใช้เฟสบุ๊คชื่อ NextGen Thailand ได้ออกมาโพสต์ภาพพร้อมทั้งได้ระบุข้อความว่า

ผมจับได้ว่าแฟนผมมีชู้กับคนในออดิชั่นครับ ผมกับแฟนคบกันมา 11 ปี อยู่กินบ้านเดียวกันมา 5 ปี มีลูกสาว 1 คน จดทะเบียนสมรส ครอบครัวกำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง แต่ประมาณปีที่แล้ว เพื่อนผมก็ทักมาหา ว่าเจอ Facebook ของแฟนผมอีกอัน แต่เขา Block ผมไว้เลยไม่เห็น จากนั้นก็เริ่มทะเลาะกันมาตลอดเพราะผมบอกให้ปิด Facebook เกมอันนั้นก็ไม่ยอมปิด อ้างว่าเฟซ Avatar อันนั้นเอาไว้รับซื้อของในเกมต่าง ๆ เอาไว้คุยกับเพื่อน ๆ ซึ่งผมพูดยังไงก็ไม่ยอมปิด หาว่าผมงี่เง่าคิดไปเอง

เราทะเลาะกันบ่อยมาตลอดในเรื่องเดิม ๆ ผมอาจจะพลาดเองที่ปล่อยให้เขาเล่นเกมนี้คนเดียว เพราะผมเบื่อที่จะเล่นเกมนี้มานานแล้ว โลกของเขาจึงถลำลึกขึ้นเรื่อย ๆ ในโลกของออดิชั่น Skip มาเดือนเมษายนปีนี้ แฟนผมได้ขอผมกลับบ้านที่ต่างจังหวัด โดยบอกผมว่าจะกลับไปทำบุญให้ที่บ้านและขอจัดการเรื่องมรดกต่าง ๆ ให้เรียบร้อย จะกลับมาวันที่ 30 เมษายน ผมไว้ใจและเชื่อหมดใจครับจนเขากลับมาวันที่ 30 จริง ๆ

แต่แล้วผมก็มาเจอหลักฐานวันที่ 5 พฤษภาคม คือแฟนผมไป Concert แต่ลืม Logout Facebook Avatar อันนั้น ผมเข้าไปดูในแชทของเขา สรุปคือแฟนกับชู้ทั้งสองไปอยู่กินนอนกันมา ผมอ่านแชทตั้งแต่บนสุดถึงล่างสุด อ่านไปมือสั่นไป ทำอะไรไม่ถูก ใจสลายแบบสุด ๆ คิดในใจว่ามึงไม่สงสารลูกมึงเลยเหรอวะ ? ทิ้งลูกไว้ที่บ้านแล้วออกไปหาชู้หน้าตาเฉย

แฟนผมออกบ้านมาตั้งแต่วันที่ 1 เมษา กลับต่างจังหวัดไม่กี่วัน ที่เหลือใช้เวลากินนอนอยู่กับชู้หมด บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมผมไม่รู้ตัวเลยเหรอ ? ใช่ครับ ผมไม่คิดเลยว่ามันจะไปถึงขั้นนั้น

1. เพราะผมเชื่อใจเขามากครับ

2. ตอนเขากลับไป ติดต่อเขายากมาก โทรไม่รับ ไลน์ไม่ตอบ ถึงรับสายกล้องก็ไม่ยอมเปิด ที่รับสายคุยกับผมก็คงตอนที่ชู้เขาไปทำงาน ทุกอย่างปิดกั้นหมดเลย สิ่งที่ผมเจอมานี้มันหนักเกินไปมากครับ คำว่าครอบครัวพังหมดทุกอย่าง สงสารก็แต่ลูกนี่แหละครับ เดือนหน้าก็ 4 ขวบแล้วกลับต้องมาเจออะไรแบบนี้ นี่คือเรื่องราวประสบการณ์จริงของผมที่ผมอยากมาเล่าให้ฟังครับ ผมเสียใจ จนไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายจริง ๆ สุดท้ายนี้เขาก็ยังคบกันต่อครับ ผมก็ขออวยพรให้เขาทั้งสองรักกันนาน ๆ ให้คุ้มกับที่พังครอบครัวของตัวเอง

ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ

เรียบเรียงโดย news.in.th