พ่อแอม ไซยาไนด์อยู่ไม่ไหว ตัดพ้อเรื่องลูกสาวกระทบชีวิต ออกไปขายของไม่ได้
เรียกได้ว่าเป็นคดีที่สะเทือนใจมากๆ และเป็นที่สนใจของสังคมอย่างมาก สำหรับพฤติการณ์ ของ นางสรารัตน์ นั้น ตามบรรยายพฤติการณ์ ที่พนักงานสอบสวน ระบุว่า ก่อนเกิดเหตุนางสรารัตน์
หรือ แอม ผู้ต้องหาออกอุบายนัดหมายให้ น.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือ ก้อย ผู้เสียชีวิตไปพบที่หมู่บ้าน เพื่อจะพาผู้ไปปลิดชีพแล้วเอาทรัพย์สิน โดยเกี่ยวข้องกับยาไซยาไนด์
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ 5 พ.ค.66 พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี พ.ต.อ.ณัฐพงศ์ เอกเผ่าพันธุ์ ผกก.สภ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี พ.ต.ท.ทวี สุวรรณพงษ์ รอง ผกก.สส.สภ.ท่ามะกา พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บ้านโป่ง สภ.ท่ามะกา และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ นำหมายค้นศาลจังหวัดกาญจนบุรี เข้าตรวจค้นบ้านพักพ่อแม่ของนางสรารัตน์ รังสิวุฒาภรณ์ หรือ แอม ไซยาไนด์ จำนวน 2 จุด
จุดแรกบ้านเลขที่ 68/12 หมู่ 1 ต.ท่ามะกา ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวมีรั้วรอบขอบชิด เดิมเป็นร้านอาหาร และร้านรับทำเฟอร์นิเจอร์ตามสั่ง ตั้งอยู่ริมถนนสาย 323 ท่ามะกา-กาญจนบุรี จุดที่ 2 เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น เลขที่ 100/5 หมู่ 1 ต.ท่ามะกา ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่ไม่ไกลจากจุดแรกไม่มากนัก
การตรวจค้นจุดแรกมีนายสมคิด และนางอรลดา พ่อกับแม่ของ แอม นำพาตรวจค้น ส่วนจุดที่ 2 ที่เป็นบ้านทาวน์เฮ้าส์ นายสมคิด พ่อของแอม ไซยาไนด์ เป็นผู้นำพาตรวจค้น โดยทั้ง 2 จุดใช้เวลานานหลายชั่วโมงกว่าจะแล้วเสร็จ
ทางพ่อของแอมปฏิเสธที่จะตอบคำถามใดๆ พร้อมตัดพ้อว่า ชีวิตของตนเองและครอบครัวทุกวันนี้ ต้องรับผลกระทบจากคดีของแอมอย่างหนัก จนไม่สามารถที่จะออกจากบ้านไปขายของได้ตามปกติ เพราะมักจะถูกถามถึงเรื่องคดีอยู่ตลอดเวลา
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์นายสมคิด พ่อของแอม ไซยาไนด์ ที่บริเวณบ้านทาวน์เฮ้าส์ ว่าทุกวันนี้อยู่อย่างไรและโดนกดดันอะไรหรือไม่ ซึ่งนายสมคิดตอบว่า ก็รู้สึกกดดัน ที่กดดันกดดันเพราะนักข่าวที่เอาผมไปลงข่าว เพราะคนที่เขาไม่รู้ว่าพ่อแม่รู้เรื่องด้วยหรือไม่รู้แต่เขาก็มาลงที่พ่อแม่ ทั้งๆที่พ่อแม่ก็ไม่รู้ ถ้ารู้หัวออกพ่อแม่ก็ต้องบอกว่าอย่าไปทำนะ อยากจะบอกกับสังคมว่าไม่ต้องมาลงที่พ่อแม่ เพราะเป็นเพียงแค่พ่อกับแม่เท่านั้น แต่การที่เขาโตไปแล้วเราก็ไม่รู้อะไรและไม่รู้พฤติกรรมของลูก ตามที่เป็นข่าวจริงหรือไม่จริงเราก็ไม่รู้
ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจหรือไม่ ซึ่งนายสมคิดตอบว่า พูดถึงเราก็รู้สึกเสียใจนะ ไม่ใช่ว่าเราจะดีใจ ถ้าลูกเราทำหรือไม่ได้ทำเราก็เสียใจ ทุกอย่างมันได้รับผลกระทบเกี่ยวกับจิตใจเราทั้งหมด ถามว่าไม่ได้เจอกับลูกสาวมานานหรือยัง นายสมคิดตอบว่า ไม่ค่อยได้เจอหรอก แต่ถ้าพูดถึงเมื่อก่อนสมัยที่แฟนเขาอยู่เมืองกาญจน์ เมื่อเขาผ่านมาแวะก็ได้เพียงแค่เอาอาหารหมามาแขวนเอาไว้ที่นอกรั้วบ้านเท่านั้น เขาไม่เคยมานอนที่บ้านเลย แต่บางครั้งก็เข้าไปในบ้านแค่แป๊บเดียวแล้วก็บอกว่าไปแล้วๆ
ถามว่าไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้ว นายสมคิดตอบว่า ไม่ต้องพูดคำว่าปีหรอก เพราะมาแบบประปรายมาบ้างไม่มาบ้าง ถามว่ามีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากรู้สึกอย่างไรนั้น เรื่องนี้เราก็ไม่รู้ว่าตายอย่างไรใครจับยามาใส่ให้หรือเปล่าหรืออย่างไรเราก็ไม่รู้ เพราะมันเยอะมากเกินไปแล้ว ถามว่าถึงตรงนี้อยากจะพูดอะไรกับลูกบ้าง... นายสมคิดตอบว่า จะพูดยังไงดีหละ ถ้าพูดก็ได้แต่ว่าขอให้เขาสู้ๆไปแค่นั้นหละ ถามว่าถ้าลูกสาวมีความผิดจริงในฐานะที่เป็นพ่อจะทำอย่างไร...นายสมคิดตอบว่า เราก็ยังไม่รู้เพราะตัดสินใจไม่ได้ ก็ต้องรอให้ศาลหรืออะไรเขาออกมาก่อน เพราะมันเป็นกระบวนการของศาล ซึ่งเราก็ต้องการความยุติธรรมด้วยซึ่งก็ต้องเป็นไปตามนั้น เพราะพ่อจะไปบอกว่าผิดหรือไม่ผิดไม่ได้เพราะพ่อตัดสินใจอะไรไม่ได้”นายสมคิด พ่อ แอม ไซยาไนด์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจค้นบ้านเลขที่ 68/12 เพื่อหาหลักฐาน โดยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ ได้เก็บวัตถุพยานเป็นสมุดระเบียนสะสมสมุดฝากบัญชีสะสมทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ ของนางแอม รวมทั้งขวดพลาสติก 1 ขวด วัตถุผงสีขาวบรรจุถุงพลาสติก 2 ถุง เมมโมรี่การ์ดจำนวน 2 อัน กล่องกระดาษสีน้ำตาล 1กล่อง และพบรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้าแจ๊สสีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน 1 คัน เจ้าหน้าที่จึงยึดเอาไว้ตรวจสอบหลักฐาน จากการตรวจสอบรถยนต์เก๋งที่ตรวจยึดเบื้องต้นเป็นรถยนต์ของนาง แอม แต่จะต้องส่งตรวจพิสูจน์ว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีการแก้ไขหมายเลขเครื่องยนต์และตัวถังหรือไม่
ส่วนทาวน์เฮ้าส์ เลขที่ 100 / 15 เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ตรวจยึดวัตถุพยานสามรายการประกอบด้วย ขวดแก้ว 1 ขวด แปรงสีฟัน 2 อัน หลังจากเจ้าหน้าที่จดทำบันทึกเรื่องราวการตรวจค้นที่ สภ.ท่ามะกาแล้วเสร็จ จึงนำของกลางทั้งหมดไปไว้ที่ สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ท้องที่รับผิดชอบต่อไป
เรียบเรียงโดย ข่าวภูมิภาคกาญจนบุรี ปรีชา ไหลวารินทร์ ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์