ด่วนที่สุด จังหวัดนี้ประกาศ ให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง คลื่นลมแรง เริ่มตั้งแต่วันนี้ 6 ถึง 11 มกราคม 2566

ด่วนที่สุด จังหวัดนี้ประกาศ ให้เป็นพื้นที่เฝ้าระวัง คลื่นลมแรง เริ่มตั้งแต่วันนี้ 6 ถึง 11 มกราคม 2566

นายสมชัย เลิศประสิทธิพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปฏิบัติราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี ในฐานะผู้อำนวยการจังหวัด ออกประกาศ ระบุว่า ด้วยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) มีหนังสือ ด่วนที่สุดที่ มท (กปภก) ๑๖๑๐/ว ๑ ลงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๖ แจ้งว่า ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง กอปรกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้มีประกาศฉบับที่ ๑ (๑/๒๕๖๖) ลงวันที่ ๔ มกราคม ๒๕๖๖ เวลา ๐๕.๐๐ น.หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง มีแนวโน้มจะมีกำลังแรงขึ้น และเคลื่อนเข้าใกล้ปลายแหลมญวน

ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้จะมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ สำหรับคลื่มลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง ๒-๔ เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า ๔ เมตร

และกองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้มีประกาศฉบับที่ ๑/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๖๖ ให้เฝ้าระวังที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในพื้นที่ภาคใต้

ทั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี (อ.เมืองเพชรบุรี บ้านแหลม ท่ายาง ชะอำ) เป็นพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง ระหว่างวันที่ 6 -11 มกราคม 2566

จึงขอให้ติดตามสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า

และดำเนินการ ดังนี้ กรณีคลื่นลมแรง ให้สั่งการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่รับผิดชอบ ออกประกาศ หรือติดตั้งสัญญาณการแจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเล และแจ้งนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำทะเลในช่วงที่มีคลื่นลมแรงโดยเด็ดขาด

กรณีการเดินเรือ ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ โดยให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง ให้มากขึ้น และหากสถานการณ์ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มรุนแรง ให้พิจารณาห้ามการเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ ขอให้ประชาสัมพันธ์ไปยังสื่อต่างๆ หากเกิดสถานการณ์และได้รับผลกระทบและต้องการ ความช่วยเหลือเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยพิบัติสามารถแจ้งเหตุมายังกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบุรี

ผ่านทางโทรศัพท์หมายเลข 032-526-230 หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง และรายงานผลการปฏิบัติงานจนกว่าสถานการณ์จะสิ้นสุด

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ