เรณู ภมรมนตรี ในวัย 93 ปี รักแรกพบรัฐมนตรีหนุ่ม

เรณู ภมรมนตรี ในวัย 93 ปี รักแรกพบรัฐมนตรีหนุ่ม

ทำเอาแฟน ๆ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกัน หลังเห็นภาพล่าสุด คุณแม่เรณู วัย 93 ปีของนักแสดงรุ่นใหญ่ที่หล่อตลอดกาลอย่าง แซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี ที่ยังดูแข็งแรงและสวยสง่าไม่เปลี่ยนแปลง สมตำแหน่งรองนางสาวไทยปี 2461

ก่อนหน้านี้ แซม ยุรนันท์ ภมรมนตรี ได้ออกมาเล่าประวัติคุณแม่เนณู โดยระบุว่า กลายเป็นนักเขียนออนไลน์ไปซะละ 555 วันนี้เป็นเรื่องคุณแม่นะครับ คุณเรณู(พิบูลภานุวัธน์)ภมรมนตรี เป็นบุตรสาวคนเล็กของคุณหลวงศรไกรรณรงค์ นายทหารเรือจอมเฮี้ยบ แต่ลูกสาวคนนี้จอมเฮี้ยวจอมซนไม่ฟังใคร

คุณพ่อจึงตัดสินใจส่งเข้าโรงเรียนประจำหญิงล้วนที่โรงเรียนราชินีครับ หวังจะให้อบรมบ่มนิสัยให้สมกับเป็นกุลสตรีไทย แต่กลับกลายเป็นว่าไปเป็นหัวโจกสร้างตำนาน กล่าวขานจากรุ่นสู่รุ่น

ว่าเป็นเด็กที่แก่นแก้วที่สุดก่อวีรกรรมแสบๆคันๆไว้มากมาย คุณแม่เคยเขียนเล่าวีรกรรมต่างๆไว้บ้างเป็นตอนๆในหนังสือแพรวอยู่เป็นปี เป็นที่สนุกสนานจนมีเสียงเรียกร้องให้รวมเป็นเล่มชื่อว่า 60 ยังแจ๋วครับ

แต่ด้วยความที่เด็กหญิงเรณูมีหน้าตาสะสวย ช่างพูดขี้ประจบทำให้ครูบาอาจารย์โกรธไม่ลง แต่ก็ไม่มีท่านใดอยากให้สอบตกอยู่ซ้ำชั้นของตนอยู่ดี

และมักจะถูกเรียกมานั่งอยู่หน้าชั้นเรียนเป็นประจำ(ซึ่งจะเป็นโต๊ะทองไว้สำหรับนักเรียนที่เรียนเก่งและมารยาทดีที่สุดของห้องครับ)เพื่อคุณครูจะได้หยิกได้ตีง่ายๆ อีกทั้งจะได้ไม่ชวนเพื่อนคนอื่นๆเหลวไหลซุกซนไม่ตั้งไจเรียน

อยู่มาวันนึงท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษารูปหล่อ(คุณพ่อผมเอง)มาตรวจเยี่ยมโรงเรียน(ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมเลือกมาตรวจโรงเรียนหญิงล้วน555) แล้วด้วยบังเอิญหรืออย่างไรไม่ทราบท่านก็ถูกพามาทักทายนักเรียนห้องนี้

ชมว่านักเรียนทุกคนเรียบร้อยน่ารักสมกับเป็นกุลสตรีไทยและถามคุณครูประจำวิชานั้นว่า

เด็กที่ได้นั่งโต๊ะทองหน้าชั้นเรียนนั้นมีความหมายว่าอย่างไรครับ คุณครูสารภีจำใจตอบท่านอย่างไม่ค่อยเต็มปากนักว่า

เด็กที่ได้นั่งโต๊ะทองต้องเป็นเด็กเรียนเก่งและความประพฤติดีเยี่ยมค่ะท่าน ท่านก็เข้ามาชื่นชมว่านอกจากจะเรียนเก่งความประพฤติดีงามแล้วยังหน้าตาสวยน่ารักอีกด้วยน่าปลื้มใจแทนคุณพ่อคุณแม่นะคะ

แม่ยิ้มสะใจแล้วหันไปหลิ่วตาให้ครูสารภีหนี่งที คุณครูมองกลับตาเขียวปั๊ด เพื่อนๆหัวเราะกันทั้งห้อง 555 เคยถามคุณพ่อว่าจำเด็กคนนั้นได้หรือเปล่า พ่อตอบว่าจำได้สิ ศรรักปักอกตั้งแต่ตอนนั้นเลย(แหมๆๆท่านน้อยๆหน่อย555) และนั่นคือการได้เจอกันครั้งแรกครับ

จากเด็กนักเรียนจอมแสบคงไม่มีใครเชื่อใช่ไหมครับ ว่าคุณแม่ผมจะเป็นครู ใช่ครับ..คุณแม่เคยเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนสตรีวรนาถ แม่บอกว่า ชั้นเป็นขวัญใจของเด็กๆนะจ๊ะจะบอกให้ เด็กจอมเฮี้ยวทั้งหลายชั้นเอาอยู่หมดทุกคน

มีคนลือกันว่าครูโรงเรียนนี้สวยจนมีผู้ใหญ่ของกระทรวงการคลังมาทาบทามที่โรงเรียนขอส่งครูเรณูประกวดนางสาวไทย!!ท่ามกลางเสียงเชียร์ลั่นของเด็กนักเรียนแต่เพื่อนๆพี่ๆครูด้วยกันสิครับแอบหวั่นใจว่าจะไหวเหรอ? ทีแรกคุณตาไม่ยอมให้ครับเพราะหวงลูกสาวแต่คุณยายโอเคจะไปคุมให้เอง

การประกวดสมัยนั้นไม่อนุญาตให้แต่งหน้า ให้ทาปากได้อย่างเดียวครับ ชุดก็มีเพียงแค่ชุดไทยและชุดลำลองเป็นกางเกงขาสั้นเท่านั้นครับ คุณแม่บอกว่าถ้าเทียบกับผู้เข้าร่วมประกวดคนอื่นๆแล้วแม่ช่างดูห่างไกลจากตำแหน่งนางสาวไทยในนิยามเหลือเกิน ทุกคนดูอ่อนข้อย ค่อยๆพูดค่อยๆเดิน เอวบางร่างน้อยๆ ส่วนแม่ก็กระโดกกระเดก ว่องไวสูง 170 ซึ่งสูงมากในสมัยนั้น แม่บอกว่ากว่าคนอื่นจะเดินหมุนร่มกันไปมาได้ครบรอบ แม่ก็เดินฉับๆต่อไม่รอใครไป 3รอบแล้ว 555 เค้าให้ยิ้มตลอดเวลาก็ไม่ยิ้ม บอกว่าไม่ใช่คนบ้านะจะได้ยิ้มตลอดเวลาได้ไง โธ่ ขุ่นแม่ค้าบบ แต่แม่ก็เป็นขวัญใจของกองเชียร์นะ ทุกวันพอแม่ออกมาเสียงเชียร์กระหึ่ม

ผมถามว่าอาจเป็นเพราะแม่แปลกแหวกทุกกฎไม่เหมือนคนอื่นเค้ารึเปล่า แม่บอกว่า ชั้นสวยย่ะ 555 แต่กรรมการท่านคงลำบากใจแน่ๆเพราะนางคงดื้อมากแหละ

สุดท้ายตำแหน่งนางสาวไทยในปีนั้นก็เป็นของคุณลัดดา สุวรรณสุภาครับ ส่วนคุณแม่เป็นรองอันดับหนึ่งครับ(ตามรูป) แต่ก็เป็นรองที่ Popular มากครับได้รับเชิญให้ออกงานแทบทุกวัน ขนาดว่าคุณครูเอื้อ สุนทรสนาน แห่งวงดนตรีชื่อดังสุนทราภรณ์ถึงกับแต่งเพลงประจำตัวให้แม่..ชื่นชมในความงามความหอม..เวลาไปปรากฏตัวที่งานไหนจะบรรเลงเพลงนี้ต้อนรับ หรือเป็นเพลงเปิดฟลอร์ให้เต้นรำในจังหวะแทงโก้เร้าใจ ชื่อเพลงว่า เรณูดอกฟ้า ขับร้องโดยคุณมัณฑนา โมรากุลนักร้องชื่อดังมากในสมัยนั้นครับ และได้แสดงเป็นนางเอกละครเรื่อง ราชันย์ผู้พิชิต เพื่อเป็นการเปิดโรงละครแห่งใหม่สุดอลังการในสมัยนั้นคือโรงละครเฉลิมไทย(ต่อมาเปลี่ยนเป็นโรงภาพยนตร์ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์พระบรมรูปรัชกาลที่3 ครับ) …จากนั้นก็ไปเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปีรุ่นๆเดียวกับมรว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์และเจ้ากอแก้ว ประกายกาวิลครับเบื่อกันหรือยัง วันนี้พอก่อนนะครับ

เรียบเรียงโดย ทีมงาน news.in.th

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ