พระแม่ชี ยอมทิ้งวัด ไปอยู่ที่อื่น หลังทนโดนตามรังควานมากว่า 3 เดือน ชาวบ้านวอนหน่วยงานเร่งช่วยเหลือ
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2565 ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ ได้รับรายงานว่า ชาวบ้านร้องเรียน ชาย อายุประมาณ 37 ปี ด่าและส่งเสียงเอะอะโวยวาย ขณะมาขออาหารกิน ภายในหอฉันท์ ของสำนักสงฆ์เขาเป็ดน้ำ หมู่11 ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล ซึ่งพฤติกรรมในลักษณะนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ทำมาตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา สร้างความรำคาญ และหวาดกลัว โดยในแต่ละวันขึ้นมาบนวัดแห่งนี้ ไม่ต่ำกว่า 2 ถึง 3 รอบ
ล่าสุดหลังเสร็จสิ้นงานทอดกฐิน พระภายในสำนักสงฆ์เขาเป็ดน้ำ 5 รูปและแม่ชี 2 รูปต้องยอมทิ้งวัดไปจำวัดที่อื่น เพราะไม่มั่นใจในความปลอดภัย เนื่องจากสภาพกุฏิที่ไม่ค่อยจะแข็งแรง และพระหลายรูปอาพาธ จำเป็นต้องทิ้งวัดไปก่อน หลังปัญหาไม่ได้รับการแก้ไข แม้ชาวบ้านที่มาช่วยงานภายในวัด ผู้ใหญ่บ้าน และตำรวจต่างก็ทราบปัญหากันดีแต่ก็เกินความสามารถ เนื่องจากไม่มีญาติมารับรองในการนำตัวไปรักษา ติดด้วยค่าใช้จ่าย
แม่ชี ทองชุม ภูราหงส์ อายุ 78 ปี แม่ชีประจำวัด กล่าวว่า ปัญหานี้เกิดขึ้นก่อนเข้าพรรษานานร่วม 3 เดือน ที่ชายจิຕหลอนคนนี้ขึ้นลงเข้ามาภายในวัดไม่น้อยกว่า 50 ครั้ง สร้างความหวาดกลัวในชีวิຕและทรัพย์สินรวมทั้งแม่ชีเอง ขนาดพระยังอยู่ไม่ได้ แม่ชีเองก็ไม่กล้าจะมาอยู่แต่ก็เป็นห่วง สุนัขที่มีมากถึง 9 ตัวก็จะชวนญาติโยมขึ้นมาดูแล หุงหาข้าวให้เพราะความเดือดร้อนจากคนคนเดียว ทั้งพระ แม่ชีและสุนัขก็เดือดร้อนไปหมด ญาติโยมที่บวชก็ไม่กล้าต้องย้ายวัดไปอยู่ที่อื่น
ด้าน ชาวบ้านรายหนึ่ง อายุ 49 ปี ที่มาช่วยวัดอยู่บ่อยครั้ง กล่าวว่า ยามค่ำคืนก็ก่อกวนพระด้วยการไปเคาะประตูกุฏิวัด พระหลายรูปก็อาพาธ ทำให้พระไม่สามารถจะอยู่ในวัดต่อไปได้ โดยญาติโยมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แจ้งผู้ใหญ่บ้านตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้ วอนผู้เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยให้พระและแม่ชีกลับมาอยู่วัดเหมือนเดิมด้วย อีกทั้งเป็นห่วงทรัพย์สินภายในวัดใครจะดูแล
ขณะที่ นายปรามวล วิมาน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่11 กล่าวว่า ปัญหาเกิดขึ้นมา 2-3 เดือนแล้วกำนัน ฝ่ายปกครองอำเภอละงู และตำรวจก็ทราบเรื่องแล้ว โดยติดที่ทางครอบครัวผู้ป่วຍ ไม่สามารถจะส่งตัวไปรักษาได้ติดในเรื่องของเงิน เพราะมีฐานะค่อนข้างลำบาก อีกทั้งทราบว่ายาที่ได้จากรพ.ละงูก็ไม่ยอมกิน และงบประมาณทางรัฐก็ไม่มี ทำให้ทางชาวบ้านทำได้เพียงช่วยกันดูแลกันเอง
ก่อนหน้านี้ทางวัดก็ให้ข้าว ให้น้ำกิน ทำให้ผู้ป่วยรายนี้ขึ้นมาวัดอยู่เรื่อย ๆ ล่าสุดอาการก็เริ่มหนักขึ้น ยิ่งก่อกวนจนพระ และแม่ชีไม่สามารถจะอยู่ภายในวัดได้ ซึ่งในเรื่องนี้ได้มีการพูดคุยบ่อยครั้งถึงความเดือดร้อน และเตรียมหาแนวทางในการแก้ปัญหาอยู่