เปิดประวัติ ศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องแห่งปี
นายศรีสุวรรณา จรรยา เป็นชาว อ.วังทอง จ.พิษณุโลก จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนวังทองพิทยาคม จบศึกษาระดับ ปวส.ด้านเกษตร ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา วิทยาเขตเกษตรพิษณุโลก และได้เรียนต่อจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยแม่โจ้
เขาได้แรงบันดาลใจในการช่วยเหลือคนจากผู้เป็นพ่อที่มักไปขึ้นศาลช่วยชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน ทั้งๆ ที่จบการศึกษาเพียงชั้นประถมปีที่ 4 ในระหว่างที่ศึกษาในระดับปริญญาตรี นายศรีสุวรรณ ได้ทำหน้าที่เป็นนายกองค์การนักศึกษา พร้อมนำแรงบันดาลใจจากพ่อของเขามาช่วยเหลือคนอื่น ด้วยการทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์เพื่อช่วยเหลือชาวบ้าน โดยนำชาวบ้านหน้ามหาวิทยาลัยประท้วง ขับไล่ผู้ว่าฯ และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากไม่มาดูแลสวัสดิภาพและความปลอดภัยของนักศึกษาและชาวบ้าน
จากการทำกิจกรรมออกค่ายอาสา และช่วยเหลือชาวบ้านอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ นายศรีสุวรรณ มีความสนใจเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม เมื่อเรียนจบเขาจึงได้ไปทำงานเป็นเอ็นจีโอด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมกับเข้าไปช่วยสภาทนายความทำคดีสิ่งแวดล้อม ทำให้มีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีสิ่งแวดล้อมสำคัญๆ เช่น คดีโรงไฟฟ้าแม่เมาะ คดีสารตะกั่วห้วยคลิตี้
ต่อมา นายศรีสุวรรณ ได้ร่วมมือกับเพื่อนก่อตั้ง "สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน" ในปี 2550 โดยเขามีตำแหน่งเป็น นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นองค์กรเคลื่อนไหวประเด็นสิ่งแวดล้อม และในปี 2552 เขาได้ก่อตั้ง “สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย” ขึ้น เพื่อตั้งคำถามและร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องราวที่เป็นกระแสสังคม ดังที่มักจะเป็นข่าวในกระแสโซเชียลที่เราเห็นกันแทบทุกวันในตอนนี้
และล่าสุด ชื่อของ นายศรีสุวรรณ ได้ถูกติดแฮชแท็ก ศรีสุวรรณ พุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับ 1 หลังโดนคนไม่พอใจ บุกเข้าทำร้ายระหว่างเข้าร้องกรณี "เดี่ยวไมโครโฟน 13" โดยระหว่างที่ นายศรีสุวรรณ ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวนั้น ได้มีชายคนหนึ่งบุกเข้ามาทำร้ายร่างกาย ทำให้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น ซึ่งหลังเกิดเหตุพบว่า กระแสในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในทวิตเตอร์ได้มีการพูดถึงเหตุการณ์นี้ในวงกว้าง ส่งผลให้เกิดแฮชแท็ก ศรีสุวรรณ พุ่งขึ้นติดเทรนด์อันดับหนึ่งในเวลารวดเร็ว
สำหรับชีวิตครอบครัวนั้น นายศรีสุวรรณ และภรรยา ได้สมาชิกใหม่เป็นลูกสาวที่เพิ่งคลอดเมื่อต้นปี 2565 ซึ่งเขาได้โพสต์เรื่องราวนี้ลงในเพจเฟซบุ๊กของตนเอง พร้อมทั้งเผยว่าภารกิจหลังจากนี้ส่วนใหญ่จะทุ่มเทไปกับการเลี้ยงลูกน้อย แต่งานฟ้องคดีให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนและเสียหาย หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม ควบคู่ไปกับการร้องเรียนนักการเมือง และข้าราชการระดับสูงก็ยังคงต้องทำต่อไป แต่อาจจะน้อยลงพอสมควร