ลดความคุ้มครองเงินฝาก เหลือ 1 ล้าน
วันที่ 7 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กรายหนึ่งชื่อ FinSpace ได้โฑสต์เกี่ยวกับ การลดคุ้มครองเงินฝาก โดยระบุข้อความว่า
สรุปให้เข้าใจ ลดคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาท คืออะไร ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
เรื่องการลดคุ้มครองเงินฝากเราคงได้ยินกันมาสักพักแล้ว แต่ตอนนี้กำลังจะเกิดขึ้นจริงในวันที่ 11 ส.ค. นี้ สำหรับใครที่ยังไม่เข้าใจ เราสรุปประเด็นสำคัญที่ต้องรู้มาให้อ่านแบบง่ายๆ
การคุ้มครองเงินฝาก คืออะไร
สถาบันคุ้มครองเงินฝาก (DPA) จะมีหน้าที่ดูแลเงินฝากในธนาคารของเรา คือเมื่อไหร่ที่ธนาคารเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา เงินส่วนนี้ก็จะได้รับการคุ้มครองอัตโนมัติ โดยจะได้รับเงินทุกบาททุกสตางค์ ภายใน 30 วัน
บัญชีเงินฝากแบบไหนที่ได้รับการคุ้มครอง
เงินที่ถูกคุ้มครองจะต้องเป็นสกุลเงินบาทกับบัญชี 5 ประเภท ได้แก่ 1.) เงินฝากกระแสรายวัน 2.) เงินฝากออมทรัพย์ 3.) เงินฝากประจำ 4.) บัตรเงินฝาก และ 5.) ใบรับฝากเงิน
ลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 1 ล้านบาท จะมีผลอะไรบ้าง
ก่อนหน้านี้วงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 5 ล้านบาท แต่หลังจากลดเหลือ 1 ล้านบาท แปลว่าต่อไปนี้ยอดเงินฝากที่เกิน 1 ล้านบาท ก็จะไม่ถูกคุ้มครองอีกแล้ว
เช่น ฝากเงิน 5 ล้านกับธนาคาร A และหากธนาคาร A ถูกปิดกิจการขึ้นมา เราจะได้รับเงินคืนชัวร์ๆ เพียง 1 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนที่เหลือต้องมาลุ้นอีกทีว่าทรัพย์สินของธนาคารมีอยู่เท่าไหร่ ซึ่งก็มีโอกาสที่จะได้เงินคืนไม่ครบ ทั้งนี้ ต้องบอกว่าวงเงิน 1 ล้าน เป็นการคุ้มครองต่อ 1 คน ต่อ 1 สถาบันการเงิน คือถ้าเราฝากเงินไว้หลายธนาคาร ก็จะถูกคุ้มครองธนาคารละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยไม่นำวงเงินมานับรวมกัน แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีหลายบัญชีในธนาคารเดียวกัน อันนี้ต้องเอาวงเงินมานับรวมกันนะ
คนที่มีเงินฝากเกิน 1 ล้านบาท ควรทำยังไงดี
หากไม่อยากรับความเสี่ยงกรณีธนาคารปิดกิจการ สิ่งที่ทำได้ก็คือการกระจายเงินฝากไปยังหลายๆ ธนาคาร แห่งละไม่เกิน 1 ล้านบาท
การแบ่งเงินบางส่วนไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น ก็เป็นวิธีหนึ่งที่อยากแนะนำ เพราะดีกว่าปล่อยเงินทิ้งไว้เฉยๆ โดยไม่ได้สร้างประโยชน์อะไร
คนไทย 98% มีเงินฝากไม่ถึง 1 ล้านบาท
ข้อมูลจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก ระบุว่า คนไทย 98% ฝากเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทอยู่แล้ว นโยบายนี้จึงไม่น่าส่งผลมากนักต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
เอาจริงๆ แล้ว ปัญหาของเรื่องนี้ อาจไม่ใช่การกังวลว่าจะโดนลดวงเงินคุ้มครอง แต่กลับมาคิดกันดีกว่าว่าจะมีเงินล้านยังไงดี
ข้อมูลจาก FinSpace
เรียบเรียงโดย ทีมงาน news.in.th