รองโฆษก ตอบแล้ว ทำไมต้องบริจาคให้ ญาติผู้ก่อเหตุ
จากเหตุกาณ์ที่เป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก ที่หนองบัวลำภู เป็นเหตุให้มีทั้งผู้เสียชีวิต และ บาดเจ็บหลายรายมีทั้งเด็กๆที่ศึกษาอยู่ในศูษย์เด็กเล็ก และคุณครู รวมถึงชาวบ้านที่สัญจรผ่านไปมา ณ เวลาเกิดเหตุ โดยเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565 ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมจังหวัดอุดรธานี เคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิตทั้ง 37 ราย โดยตลอดสองข้างทางมีประชาชนยืนใส่ชุดดำไว้อาลัยขณะเคลื่อนผ่านจาก รพ.ศูนย์อุดรธานีมาที่จุดดังกล่าว ระยะทาง 77 กิโลเมตร ซึ่งเรื่องราวนี้กลายเป็นคดีที่วงการตำรวจนั้นถูกตั้งข้อสังเกตุและถูกจับตาทันทีว่าบริหารกันอย่างไร ถึงมีบุคลากรที่ใจอมหิตก่อเหตุร้ายแรงได้ถึงเพียงนี้
ก่อนหน้านี้ร่างผู้ก่อเหตุนั้นไม่มีวัดใดรับเผา เพราะชาวบ้านไม่ยอม ล่าสุดวานนี้ 8 ตุลาคม 2565 ร่างผู้ก่อเหตุนั้นได้ทำพิธีฌาปนกิจเป็นที่เรียบร้อย ณ วัดแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดอุดรธานี โดยเผาทันทีไม่มีการสวดพระอภิธรรมพระสงฆ์ทางวัดได้ทำพิธีอุตราวัฏ ญาติลากโลงศพของผู้ก่อเหตุรอบเมรุ 3 รอบ ก่อนสวด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงและนำร่างเผาทันที
ซึ่งทางแม่ของผู้ก่อเหตุนั้นร่ำไห้ขอโทษครอบครัวผู้เสียหาย โดยกล่าวว่า "ตนเองนั้นใจจะขาดแล้วเสียใจกับเหตุการณ์นี้เสียใจเช่นกันอยากกราบเท้าขอโทษญาติผู้เสียชีวิตทุกคน"
ล่าสุด วันที่ 7 ตุลาคม 2565 กวาง ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ค ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบเงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตกรณี จำนวน 34 ราย รายละ 200,000 บาท รวมเป็นเงิน 6,800,000 บาท เพื่อช่วยเหลือเป็นค่าฌาปนกิจละเงินทุนเลี้ยงชีพ
ทั้งนี้ การช่วยเหลือดังกล่าวเป็นการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ซึ่งคณะกรรมการกองทุนฯ จะได้พิจารณาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและให้ความช่วยเหลือตามความเหมาะสมเพิ่มเติมต่อไป นอกจากนี้ ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจะได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น เพิ่มเติมด้วย เช่น กระทรวงยุติธรรม เป็นต้น
สำหรับประชาชน ที่ประสงค์ร่วมบริจาคเงิน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบเหตุกรณีจังหวัดหนองบัวลำภู ร่วมบริจาคได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาทำเนียบรัฐบาล บัญชีเลขที่ 067-0-06895-0 ชื่อบัญชี กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี
ยอดเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองคลัง สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์ 0 2283 4318 - 24