ดราม่า FCCT ประนาม นักข่าว CNN ปมลงพื้นที่หนองบัวลำภู ล่าสุด CNN แจงแล้ว
เรียกได้ว่ากำลังเป็นดราม่าร้อน ๆ ที่ถูกสังคมพูดถึงเป็นอย่างมาก เมื่อ FCCT หรือ สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย ได้ออกมาโพสต์แถลง ประณามสำนักข่าวดังอย่าง CNN หลังเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุอย่างศูนย์เด็กเล็กเพื่อถ่ายทำรายการข่าว โดยมีภาพที่ทีมงานปืนรั้วฝ่าแนวกั้นเข้าไป
โดย FCCT ได้แถลงว่า สมาชิกผู้สื่อข่าวอาชีพของ FCCT รู้สึกผิดหวังต่อการรายงานข่าวของสำนักข่าว CNN ที่มีทีมงานคนหนึ่งเข้าไปในพื้นที่เกิดเหตุ ณ ศูนย์ดูแลเด็กเล็กในหนองบัวลำภู โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งไม่ว่าจะมีข้ออ้างอื่นใด สิ่งนี้ถือเป็นการกระทำที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และถือเป็นการละเมิดจริยธรรมสื่อสารมวลชนอย่างร้ายแรง ในการรายงานข่าวอาชญากรรม
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้สร้างความเจ็บปวดแก่ประเทศไทย สื่อดั้งเดิมและสื่อโซเชียลมีเดียล้วนตระหนัก และระมัดระวังในการเผยแพร่ภาพที่ไม่เหมาะสม อันถือเป็นเรื่องพื้นฐานในการแสดงความเคารพต่อผู้สูญเสียและครอบครัว
ก่อนหน้านี้ ประเทศไทยเคยผ่านความเจ็บปวด จากการนำเสนอภาพเหตุการณ์ความรุนแรงที่ไม่เหมาะสม ที่ปรากฏในสื่อมาแล้ว ซึ่งถือเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่สร้างความตระหนัก และย้ำถึงการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ทั้งนี้ ทาง FCCT ขอยกย่องสื่อไทยและสื่อต่างประเทศ ที่สามารถนำเสนอข่าวภายใต้หลักจริยธรรม แม้จะต้องเจอแรงกดดันจากกระแสความสนใจจากทั่วโลกในการรายงานข่าวนี้"
ทั้งนี้ FCCT ยังได้ระบุทิ้งท้ายอีกว่า "CNN ควรตอบคำถามพื้นฐานให้ได้ว่า จะมีทีมงานสักคนของ CNN ที่มีพฤติกรรมแบบเดียวกันนี้หรือไม่ หากเป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา"
ทางด้านของ CNN เมื่อได้รับรู้แถลงการณ์ของ FCCT ที่เผยแพร่ออกไปนั้น ก็รีบออกมาชี้แจงผ่านทางทวิตเตอร์ CNN International PR โดยระบุว่า
ทีมข่าวได้เข้าไปในศูนย์เด็กเล็กพร้อมกับสื่ออื่นๆ ซึ่งตอนนั้นเส้นแนวกันถูกเอาออกไปแล้ว ในระหว่างที่ทีมข่าว CNN กำลังเก็บภาพ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 3 ก็เข้ามาบอกว่าให้เข้าไปถ่ายทำด้านในได้ ทีมข่าวจึงใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการถ่ายภาพฟุตเทจหลังจากถ่ายทำเสร็จ ตอนที่ทีมข่าวกำลังจะออกมา เส้นแนวกันถูกนำกลับมาติดไว้เหมือนเดิมจึงต้องปีนข้ามรั้วของศูนย์เด็กเล็กออกมา
อย่างไรก็ตาม ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว โดยระบุว่า ตอนนี้ได้ทราบเรื่องแล้ว และได้มอบหมายให้มีการตรวจสอบเรื่องนี้หากเป็นจริงก็จะต้องมีการดำเนินคดี เพราะเป็นคดีอาญาฐานบุกรุกสถานที่ราชการ รวมถึงเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี