ภิกษุณีปลาย เคลียร์ดราม่า ปิดวาจาขณะบวช
เรียกได้ว่าเจอดราม่าอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว ตั้งแต่ยังไม่บวช จนตอนนี้บวชเป็น ภิกษุณี ก็ยังคงเจอดราม่าไม่หยุด สำหรับ หมอปลาย พรายกระซิบ หรือ ภิกษุณีสุทัสสนา ที่ล่าสุดเมื่อวานนี้ 25 ก.ย. ได้กลับมาจาก ศรีลังกา เพื่อทำพิธี อาบน้ำมนต์ ให้กับลูกศิษย์ลูกหาที่ร่วมทำบุญร่วมกันกับ ภิกษุณี มาโดยตลอด
ซึ่งพิธีอาบน้ำมนต์นี้ พุทธคุณที่ได้คือ ชำระล้างสิ่งไม่ดีออกจากร่างกาย โดนทำของใส่ คุณไสย์ หรือมีเคราะห์กรรมต่างๆ ที่กำลังเผชิญอยู่ก็จะถูกชำระออกไปกับน้ำ ซึ่งพิธีอาบน้ำมนต์จะมีด้วยกัน 2 ขั้นตอน โดยขั้นตอนแรก ชำระล้างของไม่ดีออกไป ขั้นตอนที่ 2 สวดมนต์ให้สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ซึ่งคือการชำระ และเสริม ไปพร้อมๆ กัน เพราะน้ำคือสารตั้งต้น เป็นตัวสื่อกลาง บวกกับพระปลายที่ทำพิธีสวดเสริมความศักดิ์สิทธิ์เข้าไปในน้ำ ทั้งของที่พระปลายได้มาจากที่ต่างๆ เอามาทำพิธีด้วย ทำให้น้ำมนต์นี้ศักดิ์สิทธิ์กว่าที่อื่น
โดยพิธีอาบน้ำมนต์ โดยภิกษุณีสุทัสสนา หรือพระปลาย เป็นการจัดให้คนที่มาร่วมบุญ เพื่อเป็นการตอบแทนสะพานบุญต่างๆ ทั้งหลาย จากการบอกบุญของพระ เป็นวิธีตอบแทนของหลวงพี่ ซึ่งจะมีการจัดพิธีใหญ่แบบนี้ปีละครั้ง โดยมีลูกศิษย์ลูกหาเข้ามารับพิธีอาบน้ำมนต์เป็นจำนวนมาก สร้างความปลื้มปีติ สำหรับประชาชนทั่วไป และลูกศิษย์ลูกหาเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ ภิกษุณีสุทัสสนา ยังได้เปิดใจกับสื่อมวลชนด้วยว่า
"ขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันทำบุญที่ศรีลังกา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร การสร้างโรงทาน หอฉันท์ แล้วก็ห้องครัวที่วัดนะคะ วันนี้เป็นการแทนคำขอบคุณ ก็คือจะอาบน้ำมนต์ให้ด้วยตัวเองค่ะ เป็นการล้างของ และเสริมสิริมงคลให้กับทุกท่านที่เดินทางมาได้ค่ะ"
"ความคืบหน้า หอฉันท์ ก็เหลือทาสี ติดไฟเพดาน ซื้อพัดลม โต๊ะก็เริ่มทำแล้ว ครัวก็เดี๋ยวกำลังจะทุบ ตรงต้นโพธิ์ก็กำลังจะบุรณะตรงนั้น กำลังจะซื้อพระพุทธรูป 28 รูปเข้าไปในช่อง ถามว่ายังขาดอะไรอีกไหม ก็ยังคงขาดปัจจัยค่ะ เพราะว่าคนงานค่าแรงก็สูงขึ้น ยังมีเรื่องของที่เขาจะต้องไปเอาจากต่างเมือง และตอนนี้เราก็ยังมีโครงการที่จะช่วยเหลือวัดที่ลำบากอีกหลายวัดเลยค่ะ"
"กลับมาคราวนี้ก็ต้องหาหมอทุกครั้งค่ะ ปกติอาทิตย์ละครั้ง แต่ทีนี้พอบวชก็เดือนละครั้ง แต่ตอนนี้ก็เริ่มปรับตัวได้บ้างแล้ว ทานผักเยอะ ถามว่าลำบากมั้ย ก็ยังพอปรับตัวได้ค่ะ ไฟดับก็ยังมีอยู่ เราก็อยู่กับธรรมชาติไปค่ะ"
หลายคนก็ดราม่าว่าเราบวชแต่ก็ยังทำนาย
"ทุกครั้งที่เรามาเจอกัน เราคุยกัน เราไม่ได้ทำนาย ถ้าจะทำนายปกติจะต้องนั่งโต๊ะ จริงจังขีดเขียน แต่นี่ถามมาตอบไปไม่ได้อะไรทั้งสิ้นเหมือนการพูดคุย"
บางคนก็ว่าเรา ทำไมไม่ปิดวาจา?
"อย่างพระสงฆ์รูปอื่นเราต้องมองแบบเป็นกลางนะคะ ภิกษุรูปอื่นยังทำกิจสงฆ์ได้ ถ้าเราปิดวาจา ถามหน่อยว่าประโยชน์เกิดที่ใคร ประโยชน์เกิดที่ตัวคนเดียว ไม่ได้ช่วยเหลือใคร เราก็อยากสร้างประโยชน์ให้มากขึ้น บอกบุญ ช่วยให้คนระวังตัว อยากให้มองหลายๆด้าน อย่าเอาแต่ติ อย่าเองแต่ว่าดีกว่า ส่วนตัวไม่ได้กังวล ไม่ได้ใส่ใจ แต่ว่าบางครั้งที่กลับมาเมืองไทยก็แอบกลัวเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเหมือนกัน เพราะว่าแต่ละคนอารมณ์ร้อนขึ้น เห็นจากคอมเมนต์ บางคำที่ขึ้นมาก็รู้สึกว่า ถ้าเขาพิมพ์ได้ขนาดนี้ แล้วจิตใจเขาทำด้วยอะไร ถ้าเจอตัวตนจริงๆเนี่ย จะโดนอะไรทุบหัวหรือเปล่า ก็แอบกลัวเหมือนกัน แต่ก็รู้แหละว่าคงไม่น่าทำอะไรหรอกค่ะ"