เฮทั่วประเทศ 1 ต.ค. 65 ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 77 จังหวัด จังหวัดไหนได้เท่าไร เช็กเลย

เฮทั่วประเทศ 1 ต.ค. 65 ปรับค่าแรงขั้นต่ำ 77 จังหวัด จังหวัดไหนได้เท่าไร เช็กเลย

จากกรณีที่กระทรวงแรงงาน มีการจัดตั้งคณะกรรมการค่าจ้างเพื่อประชุมและหารือเรื่องการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2565 กระทั่งมีมติที่ประชุมออกมา กำหนดให้มีการปรับขึ้นค่าแรงแบ่งเป็น 9 อัตรา ตั้งแต่ 328 - 354 บาท โดยเตรียมนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อให้พิจารณาเห็นชอบ

ล่าสุด วันที่ 13 กันยายน 2565 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกรัฐบาล รายงานมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำประจำปี 2565 ตามที่กระทรวงแรงงาน และคณะกรรมการค่าจ้าง พิจารณาและเสนอ

โดยปรับขึ้นในอัตรา 8-22 บาทต่อวัน ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 337 บาท ค่าแรงเพิ่มขึ้นคิดเป็น 5.02 เปอร์เซ็นต์ กำหนดการปรับขึ้นค่าแรงแบ่งเป็น 9 อัตรา รวมทั้งหมด 77 จังหวัด มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 2565

1. อัตรา 354 บาท มี 3 จังหวัด ได้แก่

- ชลบุรี (อัตราเดิม 336 บาท)

- ระยอง (อัตราเดิม 335 บาท)

- ภูเก็ต (อัตราเดิม 336 บาท)

2. อัตรา 353 บาท (อัตราเดิม 331 บาท) มี 6 จังหวัด ได้แก่

- กรุงเทพมหานคร

- นนทบุรี

- นครปฐม

- ปทุมธานี

- สมุทรปราการ

- สมุทรสาคร

3. อัตรา 345 บาท (อัตราเดิม 330 บาท) มี 1 จังหวัด ได้แก่

- ฉะเชิงเทรา

4. อัตรา 343 บาท (อัตราเดิม 325 บาท) มี 1 จังหวัด ได้แก่

- พระนครศรีอยุธยา

5. อัตรา 340 บาท มี 14 จังหวัด ได้แก่

- ปราจีนบุรี (อัตราเดิม 324 บาท)

- หนองคาย (อัตราเดิม 325 บาท)

- อุบลราชธานี (อัตราเดิม 325 บาท)

- พังงา (อัตราเดิม 325 บาท)

- กระบี่ (อัตราเดิม 325 บาท)

- ตราด (อัตราเดิม 325 บาท)

- ขอนแก่น (อัตราเดิม 325 บาท)

- เชียงใหม่ (อัตราเดิม 325 บาท)

- สุพรรณบุรี (อัตราเดิม 325 บาท)

- สงขลา (อัตราเดิม 325 บาท)

- สุราษฎร์ธานี (อัตราเดิม 325 บาท)

- นครราชสีมา (อัตราเดิม 325 บาท)

- ลพบุรี (อัตราเดิม 325 บาท)

- สระบุรี (อัตราเดิม 325 บาท)

6. อัตรา 338 บาท (อัตราเดิม 323 บาท) มี 6 จังหวัด ได้แก่

- มุกดาหาร

- กาฬสินธุ์

- สกลนคร

- สมุทรสงคราม

- จันทบุรี

- นครนายก

7. อัตรา 335 บาท (อัตราเดิม 320 บาท) มี 19 จังหวัด ได้แก่

- เพชรบูรณ์

- กาญจนบุรี

- บึงกาฬ

- ชัยนาท

- นครพนม

- พะเยา

- สุรินทร์

- ยโสธร

- ร้อยเอ็ด

- เลย

- พัทลุง

- อุตรดิตถ์

- นครสวรรค์

- ประจวบคีรีขันธ์

- พิษณุโลก

- อ่างทอง

- สระแก้ว

- บุรีรัมย์

- เพชรบุรี

8. อัตรา 332 บาท (อัตราเดิม 315 บาท) มี 22 จังหวัด ได้แก่

- อำนาจเจริญ

- แม่ฮ่องสอน

- เชียงราย

- ตรัง

- ศรีสะเกษ

- หนองบัวลำภู

- อุทัยธานี

- ลำปาง

- ลำพูน

- ชุมพร

- มหาสารคาม

- สิงห์บุรี

- สตูล

- แพร่

- สุโขทัย

- กำแพงเพชร

- ราชบุรี

- ตาก

- นครศรีธรรมราช

- ชัยภูมิ

- ระนอง

- พิจิตร

9. อัตรา 328 บาท มี 5 จังหวัด ได้แก่

- ยะลา (อัตราเดิม 313 บาท)

- ปัตตานี (อัตราเดิม 313 บาท)

- นราธิวาส (อัตราเดิม 313 บาท)

- น่าน (อัตราเดิม 320 บาท)

- อุดรธานี (อัตราเดิม 320 บาท)

สำหรับการปรับขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ คณะกรรมการค่าจ้าง ได้แต่งตั้งอนุกรรมการค่าจ้างทั้งหมด 77 คณะ เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับค่าจ้างและแรงงานใน 77 จังหวัด ทั้งนี้ คณะกรรมการค่าจ้าง ได้คำนึงถึงดัชนีค่าครองชีพ อัตราเงินเฟ้อ มาตรฐานการของชีพ ต้นทุนการผลิต ราคาของสินค้าและบริการ ความสามารถของธุรกิจ คุณภาพของแรงงาน และผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศหรือ GDP รวมถึงสภาพทางเศรษฐกิจและสังคม

นอกจากนี้ การพิจารณาอยู่บนพื้นฐานของความเสมอภาคและรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ซึ่งผลการพิจารณาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย นายจ้างยังสามารถประกอบธุรกิจอยู่ได้ ส่วนลูกจ้างก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างเป็นสุข โดยเชื่อมั่นว่าจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หรือมีผลทำให้ราคาสินค้าและอัตราเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น จนกระทั่งกระทบต่อภาวะครองชีพของประชาชนโดยทั่วไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ