ประวัติ เจ้าสาวเทงานแต่ง เจ้าบ่าวสุดช้ำถูกหลอกให้ไปสู่ขอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านรายหนึ่งในหมู่ที่ 1 ต.เขาดิน อ.เขาพนม จ.กระบี่ว่า ลูกชายอายุ 24 ปี ถูกสาววัย 25 ปี หลอกให้ไปสู่ขอจัดงานแต่งงาน
แต่ขณะที่กำลังจะยกขันหมากไปสู่ขอ เจ้าสาวกลับหนีหายไป ทำให้รู้สึกอับอายชาวบ้านญาติพี่น้องเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังต้องสูญเสียเงินไปอีกเกือบแสนบาทกับค่าถ่ายพรีเวดดิ้ง และการจัดขบวนขันหมาก จัดเตรียมสถานที่
ผู้สื่อข่าวจึงได้ไปตรวจสอบเรื่องนี้ โดยพบกับผู้เสียหายคือ นายกฤษฎา หรือ เคน เป็นเจ้าบ่าว อายุ 24 ปี พร้อมด้วยญาติๆ และพ่อแม่ของนายเคน เปิดเผยเรื่องดังกล่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ส.ค. ที่ผ่านมา
ซึ่งทางพ่อแม่เจ้าบ่าวและญาติๆ จำนวนหลายสิบคน ได้จัดเตรียมขบวนขันหมากเพื่อไปสู่ขอฝ่ายเจ้าสาว คือ นางสาวอธิยา อายุ 25 ปี แต่ปรากฏว่าขณะกำลังจะเดินทางออกจากบ้านในช่วงเวลา 08.00 น. ของวันดังกล่าว
แต่ทางฝ่ายเจ้าสาวได้แจ้งมาในช่วงเวลา 05.00 น. ว่าเจ้าสาวไม่พร้อมที่จะให้มาสู่ขอ โดยผู้ที่แจ้งมาได้ใช้เฟซบุ๊กชื่อของผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง ทำให้ต้องยกเลิกการไปสู่ขอและยกเลิกงานแต่ง ซึ่งจะเตรียมจัดขึ้นหลังไปสู่ขอในวันที่ 15 ส.ค. ออกไป
เจ้าบ่าว เผยอีกว่า ตนเองคบหากับทางเจ้าสาวมาได้ประมาณ 8 เดือน โดยทางเจ้าสาวอ้างตนว่าเป็นลูกบุญธรรมของผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในตำบลเขาดิน บอกว่าพ่อแม่เสียชีวิตหมดแล้ว ซึ่งทางครอบครัวตนก็หลงเชื่อ และก็ไม่เคยสอบถาม ต่อมาทางเจ้าสาวได้ไปมาค้างคืนที่บ้านของตนเองบ่อยครั้ง
จนกระทั่งช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเจ้าสาวได้บอกกับแม่ของตนว่าตั้งท้อง ทำให้แม่ของตนดีใจอย่างมาก เพราะคิดว่าจะได้มีหลานแล้ว ก็รีบจัดหาฤกษ์งานแต่งขึ้นทันที และให้ตนพร้อมเจ้าสาวไปเตรียมตัวจัดแจงถ่ายพรีเวดดิ้งหมดเงินไปหลายหมื่นบาท
ส่วนทางแม่ของตนเองก็แจ้งญาติพี่น้องจัดแจงขบวนขันหมากเตรียมไปสู่ขอและจัดเลี้ยงงานแต่ง แต่กลับถูกฝ่ายเจ้าสาวอ้างว่าไม่พร้อมและขอยกเลิกงาน
ก่อนหน้านี้ ก็อ้างว่ายังไม่พร้อมมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งตนเชื่อว่าสาเหตุมาจากทางเจ้าสาวมาคบกับตนไม่ได้ตั้งใจจริง แต่ตั้งใจจะหลอกเอาเงินมากกว่า ซึ่งล่าสุดนี้ก็ได้ให้ตนเซ็นเอกสารบางอย่างไปทำธุรกรรมการเงิน ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไรไปด้วย
ขณะที่ นางชฎาทิพย์ อายุ 47 ปี แม่ของเจ้าบ่าว เผยด้วยว่า หลังเกิดเหตุนั้นทางตนและลูกชายได้ไปแจ้งความที่ สภ.เขาพนม เพื่อเอาผิดกับฝ่ายหญิง
และสอบถามทางผู้ใหญ่บ้านก็ทราบว่า ไม่ได้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เชื่อว่าเป็นการปลอมแปลงขึ้นมาโดยทางเจ้าสาว และทางผู้ใหญ่ก็ไปแจ้งความให้สอบสวนเรื่องการปลอมเฟซบุ๊กแล้วด้วย
ส่วนตนเองก็มาทราบเรื่องว่า พ่อแม่ของฝ่ายหญิงนั้นยังไม่ได้เสียชีวิต ยังคงอยู่ที่ตำบลหน้าเขาและตอนนี้ก็ติดต่อได้แล้ว ก็เลยแจ้งเรียกค่าเสียหายไป 2 แสนบาท แต่ตนเห็นใจก็เลยขอเรียกแค่ 5 หมื่น แต่ทางแม่ฝ่ายหญิงบอกว่าไม่มีเงินเสียให้ฟ้องร้องดำเนินคดีไป
ซึ่งตนมองว่าการที่ฝ่ายหญิงมาคบกับลูกชายและสร้างเรื่องว่าท้อง อ้างตนเป็นลูกบุญธรรมผู้ใหญ่บ้าน และยังได้ไปทำธุรกรรมการเงินหลายอย่างกับลูกชายตนอีก เป็นการหลอกลวง และเชื่อว่าครอบครัวของฝ่ายหญิงรู้เห็นเรื่องนี้ และที่สำคัญคือทำให้ครอบครัวตนอับอายอย่างมาก เพราะได้บอกญาติๆ ให้มาร่วมงานขันหมากรวมถึงบอกงานวันแต่ง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แต่งงานด้วย
แม่เจ้าบ่าว ยังเผยอีกว่า จากการตรวจสอบพบว่า หญิงสาวรายนี้เคยมีสามีมาแล้วและมีลูก 1 คน ตอนนี้ตนติดต่อไม่ได้ แต่ได้ทราบว่าล่าสุด ได้หนีเท้าแชร์คนหนึ่งที่ตามทวงหลังจากได้เงินแชร์ไปแล้ว แต่ไม่ยอมจ่ายค่างวดเลยด้วย