จากเว็บต่างประเทศ ได้รายงานว่า บนโซเชียลมีเดียได้มีการแชร์โพสต์จาก Tiktoker ชื่อว่า “Hoàng Nguyễn Chạy Thận” ซึ่งเป็นบัญชีที่เล่าถึงเรื่องราวชีวิตของเขา หนุ่มคนหนึ่งที่ค้นพบว่าตัวเองเป็นโรคไตเรื้อรังตั้งแต่อายุ 26 ปี

ในปี 2024 เมื่อเขามีครอบครัวที่มีภรรยาและลูกสาวตัวน้อย เขาค้นพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย และต้องเข้ารับการฟอกไตอย่างสม่ำเสมอ ภายในโพสต์หลายๆ คลิป เขาได้แชร์เรื่องราวชีวิตที่เสียไปมากมายจากโรคนี้ในช่วงที่ยังวัยรุ่น และสิ่งที่ทำให้เขาป่วยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน

Nguyễn Trần Hoàng ชาวเวียดนาม กล่าวว่าตนเริ่มทำงานออนไลน์ตั้งแต่อายุ 16 ปีและกลายเป็นเสาหลักของครอบครัว ซึ่งประกอบไปด้วยแม่และลูก เมื่ออายุ 18 ปีเขาจึงแต่งงาน และหลังจากนั้น 8 ปี เขาก็มีลูกสาวเป็นแรงผลักดันในชีวิต

อย่างไรก็ตาม การทำงานออนไลน์ที่ต้องทำดึกบ่อยๆ ทำให้เขามีการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการนอนดึกและทานอาหารไม่ดีต่อสุขภาพ

ในเดือนกรกฎาคม 2024 เขารู้สึกอาการไม่สบาย เช่น ปวดหัว คลื่นไส้ เบื่ออาหาร และน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว แต่เขาคิดว่าเป็นผลจากการทำงานหนัก กระทั่งในเดือนสิงหาคม 2024 อาการหนักขึ้นจึงไปหาหมอและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตเรื้อรังระยะสุดท้าย ซึ่งไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ต้องพึ่งเครื่องฟอกไตหรือการปลูกถ่ายไตเท่านั้น

ในช่วงแรกเขารู้สึกตกใจมากและรู้สึกว่าชีวิตของเขาคงไม่ยาวนานเพียงพอที่จะอยู่กับครอบครัว แต่ด้วยการสนับสนุนจากภรรยาและลูกสาว เขาก็เริ่มมีแรงใจในการต่อสู้ ช่วง 3 เดือนแรกหลังจากการวินิจฉัยเป็นช่วงเวลาที่เขาผ่านความเครียดอย่างหนัก เขารู้สึกท้อแท้และเคยคิดถึงทางเลือกที่ไม่ดี แต่ความรักจากครอบครัวทำให้เขาไม่ยอมแพ้

ในที่สุด ครอบครัวของเขาตัดสินใจขายบ้านเพื่อทำเอกสารสำหรับการปลูกถ่ายไต แต่ก็ยังขาดเงินจำนวนมาก ในเวลาที่หมดหวัง เขาโพสต์เรื่องราวของตัวเองบนโซเชียลมีเดีย และได้รับความช่วยเหลือจากผู้คนมากมาย จนสามารถทำเอกสารการรักษาเสร็จสิ้น ตอนนี้เขาต้องฟอกไตสัปดาห์ละ 2 ครั้งที่โรงพยาบาลในจังหวัด โดยเขากล่าวว่าแม้จะเหนื่อยล้าแต่เขายังคงพยายามใช้ชีวิตเพื่อครอบครัว

หนุ่มคนนี้ได้ให้ข้อคิดแก่คนรุ่นใหม่ว่าไม่ควรละเลยสุขภาพ การนอนหลับให้เพียงพอและทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพจะช่วยปกป้องไตของเราได้ เขายังเตือนว่าอย่าให้สิ่งเล็กๆ เช่น การดื่มน้ำอัดลม หรือ การทานอาหารขยะ มาทำลายอนาคตของเรา

เขาหวังว่าเรื่องราวของเขาจะช่วยเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตของใครบางคนก่อนที่จะสายเกินไป