จากสื่อต่างประเทศ ได้รายงานว่า แพทย์ประเมิณว่า หากการรักษาด้วย ภูมิคุ้มกันบําบัด (Immunotherapy) ที่เธอรับอยู่ไม่ได้ผล เธออาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 30 วัน ถึง 3 เดือนเท่านั้น เฉินเหวินเชี่ยน เขียนระบายในโพสต์เฟซบุ๊กว่า ตนเองอดคิดไม่ได้ว่า หากเหลือเวลาเพียง 3 เดือน จริงๆ แล้ว สเตราส์ สุนัขแสนรักที่อายุมากแล้วของเธอจะเป็นอย่างไร จึงได้เริ่มติดต่อหาทาง จัดการเรื่องที่อยู่ของสุนัข โดยได้พูดคุยกับผู้อํานวยการโรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติ ไต้หวัน ซึ่งจบลงด้วยน้ําตาของผู้ที่เธอไปปรึกษา เฉินเหวินเชี่ยนเขียนในโพสต์ว่า เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับชะตาที่อาจต้องจากไป หากคุณเป็น คนที่รักคนอื่นมากกว่ารักตัวเอง ความรู้สึกหนักอึ้งในใจจะเบาลง หวาดกลัว และคุณจะไม่มีเวลาเหลือให้มา

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2019 เฉินเหวินเชี่ยนเคยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งปอดชนิดอะดีโนคาร์ซิ โนมา ต้องเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนมากมาย ทั้งติดเชื้อในกระแสเลือด และภาวะเนื้อเยื่ออักเสบ (Cellulitis) จนกระทั่งล่าสุด การตรวจ PET Scan ครั้งที่ 2 พบว่า เนื้องอกร้ายในปอดของเธอขยาย ใหญ่ขึ้นเป็น 10 เซนติเมตร และลุกลามไปยังต่อมน้ําเหลืองแล้ว

ส่วนเนื้องอกในตับก็เพิ่มจํานวนขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดิม 2 ก้อน เป็นอย่างน้อย 10 ก้อน นอกจากนี้ ก่อนหน้านี้เธอยังเปิดเผยว่ามีเนื้องอกในสมองด้วย ซึ่งได้รับการรักษาด้วย รังสีแกมมาไนฟ์ (Gamma Knife) ไปแล้ว ถึงแม้จะทุกทรมานกับสุขภาพอย่างหนัก แต่เฉินเหวินเชี่ยนยังคงทํางานด้านการกุศลอย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแม้แต่ตอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยก็ตาม

เมื่อสองปีก่อน เธอเคยช่วยระดมทุนจัดหาเปียโน 18 หลังให้กับศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ เพื่อช่วยชะลอ และบรรเทาอาการสมองเสื่อม ในวันเกิดของเธอปีนี้ เธอก็ได้รับคําอวยพรที่อบอุ่นใจตอบแทนกลับมา ย้ําผ่านแฮชแท็กว่า “เมื่อคุณ ป่วย แต่ยังคงรู้จักรักและห่วงใยผู้อื่น ชีวิตของคุณก็จะมีคุณค่าที่พิเศษขึ้นมา”

สําหรับความคืบหน้าล่าสุดของการรักษา จากข้อมูลที่เธอเปิดเผยเพิ่มเติมผ่านคอมเมนต์บนโซเชีย ลมีเดีย ระบุว่า เนื้องอกในสมองที่รักษาด้วยแกมมาไนฟ์นั้นได้ผลดี ไม่พบเนื้องอกใหม่ ส่วนผลการ ตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) บ่งชี้ว่า “การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบําบัดได้ผล เซลล์ที่ตายบริเวณศูนย์กลาง (ของเนื้องอก) ลดลงเหลือน้อยกว่า 1% การเติบโตเป็นลักษณะเฉพาะของมะเร็งเมลาโนมาอยู่ แล้ว ส่วนเนื้องอกใหม่ที่ตับนั้น ประมาณ 35% เป็นเซลล์มะเร็ง และส่วนที่เป็นโพรงด้านในคือเนื้อเยื่อที่ อักเสบและฉีกขาด ซึ่งเป็นผลมาจากการต่อสู้กันระหว่างเซลล์มะเร็งกับการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบําบัด ปัจจุบัน เฉินเหวินเชี่ยนยังคงต่อสู้กับโรคร้ายด้วยสภาพจิตใจที่เข้มแข็งต่อไป