เป็ด เชิญยิ้ม ควงลูกสาวออกสื่อครั้งแรก
เป็นอีกหนึ่งดาราตลกอารมณ์ดี สำหรับ เป็ด เชิญยิ้ม ที่วันนี้ขอควงลูกสาวคนเล็ก น้องพีพี เปิดตัวคู่กันเป็นครั้งแรก รับหวงลูกสาวหนักมากยังไม่อยากให้มีแฟน อัปเดตชีวิตทุกวันนี้เปลี่ยนโหมดต้องประหยัดเหตุ cv ทำพิษต้องเผชิญวิกฤตครั้งใหญ่ จากเคยใช้เงินวันละหลักหมื่นเหลือวันละหลักร้อย พร้อมแก้คำครหาขายสมบัติกิน
วันหนึ่งเขาต้องโตเป็นสาวต้องมีหนุ่มๆ เข้ามาจีบ คุณอาเตรียมรับมือยังไง
อาเป็ด ก็ไม่ได้คิดอะไรเลยแล้วแต่จังหวะของชีวิตเขา เขาเป็นคนตัดสินเราไม่สามารถจะห้ามได้ เราแค่ระวังอยู่ห่างๆ มองอย่างห่วงๆ ถ้าเรามองแล้วว่าเขาสามารถใช้ชีวิตดี มีแฟนดีในอนาคตมันทำให้เขาเติบโตได้โดยที่เราหมดกังวล เราก็จะสบายใจแค่นั้นเอง วันนี้ลูกชายก็มีครอบครัวดูธุรกิจได้แล้ว ลูกชายคนที่ 2 ก็เริ่มจะกลับมาดูแลธุรกิจของตัวเองได้แล้ว เหลือคนนี้คนเดียวที่เรายังต้องกังวลอยู่
อาเป็ดปกติเป็นคนใจดี ใจกว้าง แต่พอวิกฤติโควิดอาต้องปรับการใช้เงินหมดเลยใช่ไหม จากที่ใช้วันเป็นหมื่นๆ เหลือใช้วันหลักร้อย
อาเป็ด นี่คือเรื่องจริง วันนี้โลกมันหมุนกลับแล้ว เราเคยลำบากตอนเรา 6 ขวบ 7 ขวบ เรากำลังเริ่มโตขึ้นมาจนมามีชื่อเสียง มีเงินทอง วันนี้ระเบิดสงครามใหญ่ สงครามชีวภาพที่มันเกิดขึ้น เราเหมือนนักรบที่เราจะต้องออกไปรบ เมื่อเรารบเราต้องต่อสู้ยังไง เราต้องหลบในหลุมหลบภัยนั่นก็คือบ้าน ฉะนั้นเราต้องอยู่ในบ้านที่ระมัดระวังที่สุด เพราะว่าการใช้จ่ายต่างๆ ที่มันจะเกิดขึ้นที่เราเคยฟุ้งเฟ้อมันตัดทิ้งหมดเลย มันเปลี่ยนหมดเลย วันนี้กูไม่กิน วันนี้กูไม่ดื่ม เคยใช้เงินวันละ 1 หมื่น กูจะใช้เงิน 1 หมื่นให้ได้ซักกี่วัน ต้องมานั่งคิดใหม่ เพราะเราห่วงคนข้างหลัง ว่าเงินก้อนนี้ต้องเก็บต้องเอาไปต่อยอด ไม่ใช่เอาเงินก้อนนี้ไปสุรุ่ยสุร่ายเพื่อให้มันหมดไป พอหมดไปเราจะหาเงินมาต่อยอดไม่ได้ เราตั้งเงินก้อนนี้ไว้ต่อยอด ธุรกิจเก่าต้องยังคงอยู่ เราอยู่บันเทิงเราจะทิ้งบันเทิงไม่ได้ แต่ว่าจังหวะนี้มันเป็นบันเทิงที่สาหัสมาก อย่างก่อนบ่ายฯ เราทำมา 26 ปี เราก็ยังรัก เราต้องประคองตรงนี้ไปให้ได้เพื่อที่จะเปิดรายการใหม่ในอนาคตเมื่อทุกอย่างดีขึ้น
เห็นว่าพนักงานในบริษัทมากสุด 80 กว่าคน
อาเป็ด เพราะตอนนั้นทำงานอีเว้นท์ด้วยทุกเดือนเลย ตอนนั้นอีเว้นท์เยอะมาก คนเลยต้องเยอะ ตอนนี้อีเว้นท์ไม่ได้แล้ว ออกต่างจังหวัดก็ไม่ได้ ทุกอย่างต้องเลิกหมด ทำยังไงเมื่อคนเยอะเหมือนกับเรือออกกลางทะเลวันนี้เรือเริ่มรั่ว ช่วยกันก่อน ออกไปก่อน เดี๋ยวจะกู้เรือเข้าฝั่งไปก่อนให้เหลือไม่กี่คนเท่าที่ทำงานได้ ในชีวิตไม่เคยไล่ลูกน้องออก ลูกน้องออกคนนึงน้ำตาแทบไหล เพราะเราอยู่ด้วยกันมา 20 กว่าปี ก่อนบ่ายเป็นรายการเล็กๆ ที่เชื่อว่าเป็นรายการตลกที่เรทติ้งสูงที่สุดเลยก็ว่าได้ ในยุคก่อนเรทติ้งเคยสูงเท่าละครก่อนข่าว เรทติ้ง 8 กว่า
เห็นว่าคนงานในบ้านก็ลด
อาเป็ด ลดหมด ช่วยกัน ออกไปก่อน ขยับไปก่อน วันนี้ลดค่าใช้จ่ายส่วนตัวเอง เคยใช้เยอะลดส่วนตัวไป เมื่อก่อนไม่เคยคิดใช้บัตรเครดิตรูดกันสบายเลย เดี๋ยวนี้ไม่ใช้แม้แต่ใบเดียว กลับบ้านทำกับข้าวอยู่บ้าน
ในอีกมุมของคนที่เจอสถานการณ์โควิดแล้วต้องอยู่บ้าน เจอหน้ากัน 24 ชม. บางทีปากเสียงก็มีขึ้น อาช่วยให้คำแนะนำกับคนเหล่านี้ยังไงที่บอกว่าถ้าอยู่ด้วยกันใกล้ๆ แล้วตีกัน
อาเป็ด คิดบวก คิดดี ทำดี ได้ดี ไหว้พระ ถ้าคิดลบเครียด ประสาท เพราะทั้งโควิดมันเข้ามาทั้งหมด ยิ่งทวีความเครียด อย่าไปสนใจ อย่าไปใส่ใจ อย่าให้ค่า อย่าให้ความสำคัญ ถ้าเราคิดบวกได้จะอยู่อย่างมีความสุข
เห็นว่าอาบอกว่าเริ่มขายอะไรที่ไม่จำเป็นในชีวิตออกไปกลัวคนจะมองว่าขายสมบัติกินหรือเปล่า
อาเป็ด BMW ซื้อมา 6 ล้านกว่า 10 กว่าปีขับไม่ถึง 50,000 กิโล แล้ววันนี้เหลือล้านกว่าบาทไม่ถึงสองล้านแล้วเบนซ์ก็มี จะเก็บไว้ทำไม อายุก็เยอะแล้วจริงๆ อยากจะใช้รถเล็กๆ ซักคันนึงขับจากบ้านมาบริษัท ขับจากบริษัทมาบ้าน ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน เราเอาเงินตรงนั้นมาทำประโยชน์ยังได้มากกว่า รถเบนซ์อีก 5 ปี คันนั้นจะเหลือเท่าไหร่ ถ้าเราแย่งขายซะก่อนก็จะขาดทุนน้อยลง ถ้าปล่อยไว้ก็ขาดทุนเยอะ ไม่ใช่เพราะวิกฤตและไม่มีจะกินแล้วต้องมาขายสมบัติกินมันไม่ใช่แต่ที่เราทำคือเรารัดเข็มขัดตัวเอง สิ่งไหนที่เราฟุ่มเฟือยก็เลิกซะ รถเราเคยใช้เยอะก็เลิกใช้ เสื้อผ้าเคยใช้แบรนด์เนมเรามาใส่ตัวไหนก็ได้
เรียบเรียงโดย ทีมงาน news.in.th