จากกรณีที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ กับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่รุนแรงขึ้นในช่วงนี้ ปรากฏว่าผู้คนแห่แชร์ภาพฝุ่นหนาเต็มเมืองลงโซเชียลทั้งในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ต่างได้รับผลกระทบทางสุขภาพ โดยวันนี้ จะพาไปดูวิธีเลือกหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5: หายใจสะดวก ปลอดภัยจากมลพิษ

การเลือกหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5 ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อปกป้องสุขภาพของเราจากมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะในช่วงที่มีค่าฝุ่นสูง หน้ากากที่ดีจะช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เราหายใจได้สะอาดขึ้น

ประเภทของหน้ากากป้องกันฝุ่น PM2.5

1.หน้ากาก N95

ประสิทธิภาพ: กรองอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง 95% รวมถึงฝุ่น PM2.5

ข้อดี: ป้องกันได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีมลพิษสูง

ข้อเสีย: ใส่แล้วอาจหายใจอึดอัด ราคาค่อนข้างสูง

2.หน้ากาก KF94-KF80

ประสิทธิภาพ: คล้ายกับ N95 แต่มีรูปทรงที่กระชับใบหน้ามากกว่า

ข้อดี: ใส่สบายกว่า N95 เล็กน้อย

ข้อเสีย: ราคาอาจสูงกว่าหน้ากากผ้าทั่วไป

3.หน้ากาก Super 3D

หน้ากาก Super 3D เป็นหน้ากากทรงสามมิติ กระชับเข้ากับรูปหน้า แนบสนิทกับใบหน้า ใส่สบาย มีความสามารถในการป้องกันฝุ่น PM 2.5 เชื้อไวรัส แบคทีเรีย ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นอย่างดี พร้อมทั้งด้านหน้ามีผ้าแบบกรองอากาศไว้ถึง 3 ชั้น

4.หน้ากาก FFP1- FFP2

สุดท้ายคือหน้ากาก FFP1- FFP2 เป็นอีกหนึ่งหน้ากากอนามัยที่สามารถช่วยป้องกันฝุ่น PM 2.5 ได้ รวมไปถึงช่วยป้องกันเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส หรือสารคัดหลั่งจากผู้อื่นได้ดีอีกด้วย มีประสิทธิภาพและลักษณะคล้ายหน้ากาก N95 ที่สามารถป้องกัน PM 2.5 และ PM10 ไม่น้อยกว่า 94%