โน้ต เชิญยิ้ม ออกจากคณะตลก เพราะอยากเป็นนักร้อง
เมื่อไม่นานมานี้ โน้ต เชิญยิ้ม ได้มีโอกาสมาเปิดชีวิตอีกมุมกับมุมที่คนไม่รู้มาก่อน ผ่านรายการ โป๊งชึ่ง Show จากแร้นแค้นเข้ากรุง พลิกเข้าวงการโด่งดังมีเงิน พลิกตกกลับไม่เหลืออะไรแถมติดหนี้สุดเจ็บ ไปนั่งตามรายการไม่มีใครสนใจ
โดย โน้ต เชิญยิ้ม ได้เล่าย้อนกลับไปถึงช่วงชีวิตก่อนเข้ากรุงเทพ เรียกได้ว่าตอนนั้นยากจนขนาดที่ไม่มีจะกิน ต้องคอยกินของเหลือคนอื่น พอช่วงที่เข้ากรุงเทพก็ทำมาหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเริ่มขายพวงมาลัย, ดอกไม้กำ รวมถึงเรียงเบอร์
และก่อนชีวิตพลิกเข้าวงการตลก แต่ก็เจอมรสุมจากการตัดสินใจพลาดจนไม่เหลืออะไรเลยต้องลำบากทั้งครอบครัว โน้ต เชิญยิ้ม ย้อนกลับไปยันช่วงทำวงลูกทุ่งแล้วเจ๊ง เหมือนคิดผิดเบื่อคาเฟ่ เบื่อวงการทีวี ลาออกทุกรายการ ทีวีที่ทำอยู่ ลาออกทุกคาเฟ่ อยากร้องเพลง อยากเป็นเจ้าของวงดนตรี ใฝ่ฝันมาแต่เด็ก ความฝันไม่ได้อยากเป็นตลก อยากเป็นนักร้อง มีวงดนตรี ตอนนั้นมีเท่าไหร่ก็หมด
นอกจากนี้ โน้ต เชิญยิ้ม ยังได้เผยถึงสิ่งที่น่าจะเอาไปใช้กับชีวิตคนอย่างหนึ่งที่ตนคิดได้ คือ ตอนที่เรามีใครรักเรา บางทีเราเคยมองคนว่า ไอ้นี่ใช้ไม่ได้เลย ไม่ดีเลย กับไอ้คนนี้ดี๊ดี แต่เวลาเราแย่ คนที่เราเคยคิดว่าไม่ดีมันโคตรดีเลย มันดีมาก
อีกอย่างที่อยากบอกคือขอบคุณ นก วนิดา ตอนที่ตนไม่มี ตนแย่ เขาขับรถไปที่บ้านตน บอกไม่รู้จะช่วยพี่ยังไง รถหนูผ่อนหมดแล้ว พี่เอาไปเข้าไฟแนนซ์แล้วกัน แล้วพี่ก็ผ่อนให้หนู พี่จะได้เอาเงินมาหมุนได้ เพราะเขาซึ้งที่เราเคยช่วยเขา โน้ต เชิญยิ้ม เล่าถึง นก วนิดา
โดยหลังจากที่วงเจ๊งตนก็ไปนั่งตามรายการ อยากให้เขาถาม ไปกินข้าวฟรี เอาข้าวกลับไปให้เมียด้วย โดนตัดน้ำตัดไฟ ลูกชายคนโตต้องหยุดเรียนไปปีหนึ่งเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเรียน ตนเจ็บแต่เก็บอาการ ใครเจอตนไม่มีใครเชื่อว่าตนไม่มี ไม่ขอใคร เพราะถ้าใครมาบอกช่วยไอ้โน้ตหน่อยสงสาร ผมเดินกลับเลย อย่าสงสาร คุณค่าความเป็นมนุษย์เราหมด แต่ถ้าบอกให้งานทำ มันดีเมื่อก่อนมันยังงั้นยังงี้ แฮปปี้กว่า โน้ต เชิญยิ้ม เล่า
และเมื่อถามว่าจากตอนที่จนมาก ๆ อาจไม่รู้สึกความลำบาก แต่พอเรามีเงินแล้ว แล้วต้องกลับมาจนใหม่เป็นยังไง โน้ต เชิญยิ้ม ก็ยอมรับว่ามันยากมาก แทบจะทำใจไม่ได้ ตนเคยขนาดที่ยิงปืนขึ้นฟ้าหมดแม็กแล้วเปิดเพลงดัง ๆ ในรถ แล้วด่าตัวเองด่าหยาบ ๆ คาย ๆ ระบาย มันจะบ้า ไปหาใครก็ไม่ได้ ขนาดไปธนาคารปกติผจก.เห็นรีบมาเชิญเข้าห้องไปทำธุรกรรมเลย ตอนตนแย่ ๆ จะรีบเอาเช็คที่ได้ไปแลกเงินสดเพื่อไปใช้หนี้ แซงไป 2 คิว รปภ.ดึงเสื้อเลย เขาไม่สนใจเลยว่าตนเป็น โน้ต เชิญยิ้ม รปภ.ก็ดึงตนไปเข้าแถว ตนก็คิดว่า โอ้โหเวลาตกเป็นยังงี้เอง
และเมื่อถามว่าแล้วสามารถผ่านช่วงเวลานั้นกลับมายืนอีกครั้งได้อย่างไร โน้ต เชิญยิ้ม ก็เผยว่า ไปทุกสตูไปหาติ๊ก กลิ่นสี ไปเจเอสแอล ไปเจอหนูแหม่ม ไปเวิร์คพอยท์ ไม่มีใครถาม เราก็ไม่บอกว่าเราเจ็บไหม ไปหาไตรภพ วิทวัส ตอนนั้นเวิร์คพอยท์ ยังอัดอยู่สตูที่กรุงเทพ ชิงร้อย เราไปนั่ง เขากินข้าวเรากินด้วย ไม่มีใครถาม ไม่มีใครเชื่อ กูไม่มีนะ กูไม่มีงานทำเลย ไม่มีตังค์สักสลึงเลย ลูกเมีย จะกินอะไร ปี 40 ยุคฟองสบู่แตก
ตอนเลิกวงเป็นหนี้หลายล้าน ไม่มีรถสักคัน คนที่คิดว่าดี ตอนตนไม่มีไปหามัน รถเขาก็จอดที่บ้าน แต่คนใช้มาบอกว่าเขาไม่อยู่ แต่ตนเชื่อว่าเขาอยู่ในบ้านนั่นแหละ เพราะแอร์ยังเปิดอยู่ ตนต้องเดินไปปากซอยไปนั่งรถเมล์ บอกใครไม่มีตังค์ ไม่มีใครเชื่อ เขาหาว่าตนอำ
ต้องขอบคุณ น้ามด นพพร วาทิน เขาเรียกตนไปถาม ตอนนี้แย่เหรอ เขาสนิทกับ เป็ด เชิญยิ้ม บอกว่าเป็ดพูดให้ฟัง บอกเขาว่าตนเป็นหนี้ ซึ่งทรมานสุดคือใช้แต่ดอกต้นไม่ยุบ กู้ดอกร้อย 10 ร้อยละ 12 ตอนนั้นเอง เป็ด เชิญยิ้ม ก็ช่วยเหลือตนเยอะมาก ถึงแม้จะด่าตนไว้เยอะก็ตาม
สำหรับ น้ามด นพพร ตอนนั้น น้ามดเรียกตนไปบอก รับปากกับไหม กลับคืนสู่วงการ มาเล่นหนัง ละคร มาเล่นตลก เลิกทำวงดนตรีลูกทุ่งได้ไหม ถ้ารับปาก เขาเอาถุงสีน้ำตาลมาให้ บอกเอาไปใช้หนี้ เปิดดูเงินเต็มประมาณ 2-3 ล้าน ตนโทรหาเมียร้องไห้ มีคนแบบนี้อยู่ดี ๆ เอาเงินมาให้ไปใช้หนี้ บอกว่าจะคืนเงินก็ได้หรือทำงานใช้หนี้ก็ได้
ผมไม่เคยลืมบุญคุณแกเลย แกก็ทำให้ผมเกิด ให้ผมกำกับหนัง เรื่องแรกคนปีมะ เรื่องที่สอง หลวงพี่เท่ง ได้ตังค์ จากนั้นทำมาตลอด เขาเป็นเทวดาในใจผม และครอบครัว และทุกวันนี้ผมไม่รู้ว่าเงินที่เขาให้ผม ผมคืนเขาหมดหรือยัง โน้ต เชิญยิ้ม กล่าว
เรียบเรียงโดย ทีมงาน news.in.th