แพทย์เตือน 10 พฤติกรรมทำร้ายไต คนไทยทำตรงทุกข้อ

แพทย์เตือน 10 พฤติกรรมทำร้ายไต คนไทยทำตรงทุกข้อ

จากสถิติล่าสุดพบว่าจำนวนผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังในไต้หวันมีมากกว่า 2 ล้านคน นายแพทย์หง หย่งเซียง ชี้ให้เห็นว่านอกจากปัจจัยจากโรค เช่น เบาหวานและความดันโลหิตสูงที่ทำให้ไตเสื่อมสภาพเร็วขึ้นแล้ว อีกส่วนหนึ่งของสาเหตุเกี่ยวข้องกับ "พฤติกรรมที่ทำร้ายไตโดยไม่รู้ตัว" อย่างมาก เขายังได้สรุป "10 พฤติกรรมประจำวันของคนไต้หวันที่ทำร้ายไต" และกระตุ้นให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเหล่านี้โดยเร็ว มิฉะนั้นอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการฟอกไตในอนาคตได้

นายแพทย์หงกล่าว ว่าปกติแล้วร่างกายมนุษย์มีหน่วยกรองไต (glomerulus) ประมาณ 2 ล้านหน่วย และทุกครั้งที่หน่วยเหล่านี้ตายไป จะไม่สามารถฟื้นกลับมาได้ เขาอธิบายว่า การทำงานของไตจะถึงจุดสูงสุดในช่วงวัยรุ่น จากนั้นจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ เมื่ออายุเพิ่มขึ้น และเมื่ออายุยืนขึ้น ควรดูแลให้ไตทำงานได้อย่างเพียงพอและมีสุขภาพดีจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต เปรียบเสมือนการ "ประหยัดการใช้งาน"

10 พฤติกรรมประจำวันของคนไต้หวันที่ทำร้ายไต ที่นายแพทย์หงสรุปไว้ ได้แก่:

1.ดื่มน้ำน้อยเกินไป

2.รับประทานอาหารที่มีไขมัน, เกลือ และน้ำตาลสูง

3.สูบบุหรี่และเผชิญกับมลพิษอากาศ PM2.5

4.ความเครียดสูงและการนอนดึก

5.ใช้ยาแก้ปวด, ยาปฏิชีวนะ และยาที่หาซื้อเองเกินความจำเป็น

6.ดื่มเครื่องดื่ม ขนม และอาหารแปรรูป

7.กลั้นปัสสาวะ 8.นั่งนานโดยไม่เคลื่อนไหว

9.การรับประทานอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์สุขภาพผิดวิธี

10.การใช้ภาชนะใส่อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่เหมาะสม

นายแพทย์หงยังกล่าวว่า การใช้ถุงพลาสติกบรรจุอาหาร เช่น ก๋วยเตี๋ยวและซุปในร้านอาหาร ซึ่งพบได้บ่อยในไต้หวัน เป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อไต นอกจากนี้ การนั่งนานโดยไม่ขยับตัวก็ส่งผลเสียต่อระบบเผาผลาญและการไหลเวียนโลหิตอย่างร้ายแรง งานวิจัยหนึ่งพบว่า หากนั่งนานเกิน 6 ชั่วโมง ทุก ๆ ชั่วโมงที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลเสียต่อร่างกายเทียบเท่าการสูบบุหรี่ 2 มวน

ที่แย่ยิ่งกว่านั้น หากนั่งนานและไม่ออกกำลังกาย งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งพบว่าพฤติกรรมทั้งสองนี้ส่งผลเสริมกัน และอาจเกี่ยวข้องกับการเกิดโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และมะเร็ง 6 ชนิด ได้แก่ มะเร็งเต้านม, มะเร็งต่อมลูกหมาก, มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก, มะเร็งลำไส้ใหญ่, มะเร็งทวารหนัก และมะเร็งรังไข่ ซึ่งยังเพิ่มอัตราการเสียชีวิตอีกด้วย

นายแพทย์หงยังเตือนว่า เครื่องดื่มชานมไข่มุกมีผลเสียต่อร่างกายมากกว่าเครื่องดื่มกระป๋อง เพราะมีน้ำตาลและฟรุกโตสมากกว่า โดยชานมไข่มุกหนึ่งแก้วมีพลังงานมากกว่า 700 แคลอรี หากดื่มเกินสัปดาห์ละ 3 ครั้ง การทำงานของไตจะเสื่อมสภาพเร็วขึ้นตามกาลเวลา

ผู้ป่วยโรคไตในไทย

ข้อมูลเมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2567 ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงสถานการณ์ผู้ป่วยโรคไตในประเทศไทยว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคไตสูงเป็นอันดับ 5 ของโลก โดยมีจำนวนผู้ป่วยประมาณ 11.6 ล้านคน อีกทั้งยังพบว่าอายุของผู้ป่วยโรคมีแนวโน้มลดลง จากเดิมที่เป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เริ่มเปลี่ยนมาเป็นวัยกลางคนมากขึ้น เนื่องจากวิถีชีวิตในปัจจุบันมีการบริโภคอาหารรสจัด รับประทานอาหารปรุงสำเร็จหรืออาหารกล่องที่ไม่รู้ว่าผู้ขายใส่สารเคมีอะไรมาบ้าง ทำให้ไตเริ่มเสื่อมโดยไม่รู้ตัว ซึ่งต้องช่วยกันป้องกันโดยลดพฤติกรรมบริโภคที่เสี่ยงต่อภาวะไตเสื่อม

ทั้งนี้โรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย กล่าวได้ว่าเป็นโรคล้มละลาย เพราะต้องบำบัดทดแทนไตไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ผ่าตัดเปลี่ยนไต เช่น การฟอกเลือด สมัยก่อนค่าฟอกเลือดครั้งละ 4,000-5,000 บาท ทั้งต้องทำการฟอกเลือด 10-15 ครั้งต่อเดือน ดังนั้นผู้ป่วยมีเงินเท่าไหร่ก็หมด

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ