มีทุกบ้าน! ภัยเงียบ 5 สิ่งของในบ้าน ที่ใช้ตลอดและชอบเก็บไว้ไม่ทิ้ง อันตรายต่อสุขภาพมาก
เรียกได้ว่า คงมีหลายๆบ้านที่ใช้ของต่างๆ แต่บางอย่างก็ไม่อยาดทิ้งไป เพราะเสียดายนั้นเอง แต่รู่ไหมว่า สิ่งขิงเหล่านี้แหละ ภายนอกอาจดูไม่มีอันตราย แต่จริง ๆ แล้วอาจซ่อนความเสี่ยงที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ วันนี้เราจะยกตัวอย่างเช่น 5 สิ่งของนี้
1. พลาสติกแรป PVC
พลาสติกแรปสำหรับอาหารเป็นสิ่งที่หลายบ้านใช้อยู่เป็นประจำ แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องวัสดุที่ใช้ผลิต ตัวอย่างเช่น พลาสติกแรปแบบ PVC ควรเลิกใช้มานานแล้วเนื่องจากมีสารเคมีที่เป็นอันตราย แต่เพราะมีราคาถูก บางคนยังคงซื้อมาใช้โดยไม่ทราบถึงอันตรายของมัน
ในกระบวนการผลิต พลาสติกแรป PVC จะมีการเติมสารเคมีเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น เมื่อแรป PVC สัมผัสกับอาหารที่มีน้ำมันหรืออาหารร้อน สารเคมีนี้อาจปล่อยออกมาและปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและมีโอกาสเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งหากบริโภคเข้าไป บางคนอาจสงสัยว่า ถ้าเป็นอันตรายขนาดนี้ทำไมยังมีการผลิตอยู่ คำตอบคือ พลาสติกแรป PVC จะปลอดภัยหากใช้ห่อผลไม้หรือผักสดเท่านั้น แต่ความเสี่ยงเกิดขึ้นเมื่อใช้กับอาหารสดหรืออาหารปรุงสุกโดยไม่ได้ระมัดระวัง
ดังนั้น เมื่อเลือกซื้อพลาสติกแรปสำหรับอาหาร ควรเลือกใช้พลาสติกแรปชนิด PE, PVDC หรือ PMP จะดีกว่า พลาสติกแรป PE มีราคาย่อมเยา ไม่มีสารเคมีอันตรายและปลอดภัยกว่า แม้ว่าจะไม่ควรใช้ห่ออาหารเข้าไมโครเวฟก็ตาม ส่วนพลาสติกแรปชนิด PVDC และ PMP สามารถทนความร้อนได้สูง (140-180°C) แต่ราคาก็สูงกว่าด้วย
2. ขวดน้ำพลาสติกที่มีสาร Bisphenol A (BPA)
ขวดน้ำพลาสติกที่มีดีไซน์สวยงามและราคาถูกมักได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ต้องระมัดระวัง เพราะถ้วยหรือขวดพลาสติกที่มีสาร BPA นั้นไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก BPA (Bisphenol A) เป็นสารเคมีที่ใช้ในการผลิตพลาสติกประเภท PC หากร่างกายได้รับสารนี้มากเกินไป จะส่งผลเสียต่อสุขภาพและมีความอันตรายไม่แพ้ฟอร์มาลดีไฮด์
ดังนั้น เมื่อเลือกถ้วยพลาสติก ควรหลีกเลี่ยงถ้วยที่ทำจากพลาสติก PC โดยสามารถตรวจสอบได้จากข้อมูลบนฉลากหรือสัญลักษณ์ใต้ก้นถ้วย
สำหรับถ้วยพลาสติกที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ควรเลือกถ้วยที่ทำจากพลาสติก PP เพราะมีความปลอดภัยมากกว่า ส่วนสำหรับเด็ก ควรเลือกถ้วยที่ทำจากพลาสติก PPSU หรือ Tritan (พลาสติก PCT รุ่นปรับปรุง) เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
3. อุปกรณ์ที่ทำจากพลาสติกเมลามีน
หลายครอบครัวที่มีเด็กเล็กมักเลือกใช้ชุดจานชามที่ดูเหมือนเซรามิก มีลวดลายที่น่ารักและทนทานไม่แตกหักง่าย ชุดจานชามประเภทนี้ทำจากพลาสติกเมลามีน ซึ่งมีน้ำหนักเบาและเด็กสามารถถือได้ง่าย แม้ว่าสินค้าเหล่านี้จะผ่านมาตรฐานความปลอดภัยทางสุขอนามัย แต่การใช้งานที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดอันตรายได้ เช่น การนำชามหรือช้อนส้อมพลาสติกเมลามีนไปนึ่งอาหารที่อุณหภูมิสูงเป็นเวลานาน อาจทำให้สารพิษถูกปล่อยออกมา
หรือหากนำมาใช้ใส่อาหารทอดที่มีอุณหภูมิเกิน 140°C อาจเร่งการปล่อยสารเหล่านี้ออกมา ซึ่งหากสะสมในระยะยาวจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้น วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือ หลีกเลี่ยงการใช้ชุดจานชามที่ทำจากพลาสติกเมลามีนสำหรับเด็ก หากมีใช้อยู่ในบ้าน ควรพิจารณาทิ้งหรือหลีกเลี่ยงการใช้ใส่อาหารร้อน
4. เครื่องพ่นน้ำมันหอมระเหย
เครื่องพ่นน้ำมันหอมระเหยมีหน้าที่หลักในการเพิ่มความชื้นในอากาศ เพื่อทำให้บรรยากาศในบ้านรู้สึกสบายขึ้น ปัจจุบันหลายคนใช้เครื่องพ่นน้ำมันหอมระเหยเป็นของตกแต่งบ้านและเติมน้ำมันหอมระเหยหรือสารหอมต่าง ๆ เพื่อให้ห้องมีกลิ่นหอม แต่การใช้งานที่ไม่ถูกต้องทำให้เกิดการสะสมของแบคทีเรียจำนวนมากภายในเครื่องเพิ่มความชื้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ และอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดการอักเสบของปอดได้
นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำประปาในเครื่องเพิ่มความชื้น เพราะน้ำประปาอาจมีจุลชีพและโลหะหนัก เมื่อระเหยออกมาจะทำให้มลพิษในอากาศและส่งผลเสียต่อสุขภาพ
คำแนะนำคือ ควรใช้น้ำบริสุทธิ์หรือน้ำกลั่นในการเพิ่มความชื้นในอากาศ หลีกเลี่ยงการเปิดเครื่องทำความชื้นตลอด 24 ชั่วโมง และควรทำความสะอาดเครื่องอย่างสม่ำเสมอเพื่อปกป้องสุขภาพ
5. น้ำมันสกัดเย็น
หลายคนชอบใช้น้ำมันสกัดเย็นจากธรรมชาติ โดยคิดว่าสินค้าเหล่านี้ "ธรรมชาติ" และ "ปลอดภัย" แต่ในความเป็นจริง น้ำมันสกัดเย็นกลับมีความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ เช่น
-Aflatoxin โรงงานขนาดเล็กมักไม่สามารถกรองวัตถุดิบที่ขึ้นราออกได้อย่างหมดจด และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตก็ไม่ได้ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้ระดับ aflatoxin ในตัวน้ำมันอาจเกินขีดความปลอดภัย
Aflatoxin เป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนแปลงเป็นสารพิษที่ทำลายเซลล์ตับ และอาจทำให้เกิดความเสียหายอย่างยาวนาน ในบางกรณี การสัมผัสกับ aflatoxin ในปริมาณมากอาจทำให้เกิดการเป็นพิษเฉียบพลัน โดยมีอาการเช่น คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ผิวเหลือง และอื่น ๆ สารนี้ยังสามารถทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง และส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเด็ก
-สิ่งเจือปนหลายชนิด น้ำมันสกัดเย็นอาจมีกลิ่นหอม แต่เนื่องจากกระบวนการผลิตที่ไม่ซับซ้อนและไม่ได้ผ่านการกลั่นอย่างดี จึงมีสิ่งเจือปนที่อันตราย เช่น ฟอสโฟลิพิดและเบนโซเอไพรีน ซึ่งทั้งสองชนิดนี้อาจทำให้เกิดอันตรายหากบริโภคในปริมาณมาก
ฟอสโฟลิพิดเป็นไขมันที่มีประโยชน์เมื่ออยู่ในรูปแบบที่บริสุทธิ์ แต่ในน้ำมันสกัดเย็นที่ไม่ผ่านการกรอง ฟอสโฟลิพิดอาจมีสิ่งเจือปนและกรดไขมันที่เกิดการออกซิเดชันง่าย ซึ่งสามารถสร้างสารพิษเมื่อถูกใช้ในกระบวนการปรุงอาหารที่อุณหภูมิสูง ขณะที่เบนโซเอไพรีนเป็นสารในกลุ่ม Hydrocarbon หอมวงแหวนหลายวง (PAHs) ที่เป็นสารก่อมะเร็งรุนแรง
-วัตถุดิบผสมปนกัน เครื่องสกัดเดียวสามารถใช้สำหรับเมล็ดหลายชนิด เช่น ถั่วลิสง งา ข้าวโพด การสกัดน้ำมันจากเมล็ดหลากหลายชนิดอาจทำให้น้ำมันที่ได้มีการปนเปื้อนของกากและไขมันที่ไม่ต้องการ
ดังนั้นอย่าคิดว่า "น้ำมันสกัดเย็น" จะปลอดภัยและดีต่อสุขภาพเสมอไป เพราะส่วนใหญ่แล้วโรงงานขนาดเล็กมักไม่ผ่านมาตรฐานสุขอนามัยอย่างที่คุณคิด
ข้อมูลจาก soha