จากสื่อต่างประเทศได้ รายงานว่า เสี่ยวจู หญิงสาวจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน อายุ 30 ปี เธอแต่งงานแล้ว 2 ปีที่ผ่านมาเธอกับสามีพยายามอย่างหนักที่จะมีลูก แต่ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุดเมื่อเธอคิดว่าตัวเองตั้งครรภ์ หลังจากที่ประจำเดือนไม่มาต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน แต่เธอกลับได้พบความผิดหวังครั้งใหญ่ เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเธอเป็นมะเร็งร้าย

จากคำบอกเล่าของเสี่ยวจู เธอมีปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอตั้งแต่ยังเป็นสาว บางครั้งถึงขั้น 2 เดือนจึงมาครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งนี้ที่ประจำเดือนไม่มาเป็นเวลาหลายเดือน ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียง่าย และท้องน้อยขยายใหญ่ขึ้น เธอยังรู้สึกเบื่ออาหารและไวต่อกลิ่นน้ำมัน ทุกคนในครอบครัวต่างเชื่อว่าเธอตั้งครรภ์ ทำให้เสี่ยวจูรู้สึกตื่นเต้นมาก

หลังจากตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง 2 ครั้ง ผลออกมาไม่พบการตั้งครรภ์ ครั้งแรกขึ้น 1 ขีดจางและ 1 ขีดชัด ซึ่งแม่สามีบอกว่าอาจเป็นเพราะเพิ่งเริ่มตั้งครรภ์ เสี่ยวจูเครียดจนรอถึง 2 เดือนจึงตรวจอีกครั้ง ผลลัพธ์กลับขึ้นเพียงขีดเดียว เธอจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินรีเวชที่มีชื่อเสียงในปักกิ่ง

ที่นั่น แพทย์หวัง ชิงเสวียน ตรวจพบว่าเสี่ยวจูไม่ได้ตั้งครรภ์ ที่แย่กว่านั้นคือเธอพบว่ามีเนื้องอกร้ายในเยื่อบุโพรงมดลูก อาการผิดปกติที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ เช่น การขาดประจำเดือนนานหลายเดือน

สัญญาณของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก

ตามที่แพทย์หวังกล่าว มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเป็นมะเร็งที่เกิดจากเยื่อบุด้านในของมดลูก ซึ่งพบบ่อยในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน กรณีที่เกิดในคนอายุน้อยหรือยังไม่เคยมีบุตร เช่น เสี่ยวจูนั้นพบได้น้อย สิ่งที่น่ากังวลคือมะเร็งชนิดนี้มักถูกตรวจพบในระยะท้าย เนื่องจากอาการเริ่มแรกไม่ชัดเจนและมักถูกเข้าใจผิด เช่น อาการประจำเดือนมาไม่ปกติหรือขาดประจำเดือน ซึ่งเสี่ยวจูก็เคยมีอาการนี้เป็นเวลานานแต่ไม่ได้สนใจ

มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกอาจทำให้เกิดผลร้ายแรง เช่น แพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ทำให้เป็นหมันเนื่องจากต้องตัดมดลูกออก ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตจากอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกผิดปกติ หากไม่ตรวจพบและรักษาในระยะแรก อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ กรณีของเสี่ยวจู มีโอกาสสูงที่เธอจะต้องตัดมดลูกออก ทำให้ไม่สามารถตั้งครรภ์ตามธรรมชาติได้

แพทย์หวังจึงได้สรุป 7 สัญญาณสำคัญของมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกที่ควรระวัง

-เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด: มีเลือดออกนอกช่วงรอบเดือน โดยเฉพาะอาการเลือดออกกะปริบกะปรอยในผู้หญิงวัยก่อนหรือหลังหมดประจำเดือน

-การขับถ่ายปัสสาวะเปลี่ยนไป: ปัสสาวะบ่อย เจ็บหรือปัสสาวะลำบาก หรือมีเลือดปนในปัสสาวะ

-ตกขาวผิดปกติ: มีตกขาวสีเหลือง น้ำตาล หรือมีเลือดปน และมีกลิ่นไม่พึงประสงค์

-ปวดหรืออึดอัดในช่องท้อง: รู้สึกปวดหรือไม่สบายบริเวณท้องน้อย รวมถึงอาการท้องอืดหรือแน่นท้อง

-น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ: น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ร่วมกับอาการปวดบริเวณอุ้งเชิงกรานหรือต่ำกว่าท้องน้อย

-ปวดขณะมีเพศสัมพันธ์: รู้สึกเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และอาจมีเลือดออกหลังจากนั้น

-อ่อนเพลียเรื้อรัง: รู้สึกเหนื่อยล้าเนื่องจากร่างกายต้องต่อสู้กับโรค

เมื่อพบอาการผิดปกติเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อตรวจวินิจฉัย การตรวจภายในสตรีและการอัลตราซาวนด์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการตรวจพบความผิดปกติหรือภาวะก่อนมะเร็งตั้งแต่เนิ่น ๆ นอกจากนี้ การสร้างวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ เช่น การควบคุมน้ำหนัก การรับประทานอาหารที่เหมาะสม การออกกำลังกายสม่ำเสมอ และการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้อย่างมาก