เปิดประวัติ มิน พีชญา นางเอกดังสวยและรวย ดีกรีไม่ธรรมดาจริงๆ
เรียกได้ว่า เป็นนางเอกชื่อดัง อย่าง มิน พีชญา ที่ตอนนี้ราศีออร่าจับมาก ซึ่งสาวมิน ก็มีผลงานมากมายในวงการ วันนี้เราจะพาไปรู้จักให้มากขึ้น
ประวัติของ มิน พีชญา วัฒนามนตรี
– เกิด 28 เมษายน พ.ศ. 2532 ปัจจุบันอายุ 35 ปี
– ภูมิลำเนา จังหวัดขอนแก่น
– เป็นบุตรคนที่ 2 ของสุพัฒน์ วัฒนามนตรี อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำพอง อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น กับนางกาญจนา วัฒนามนตรี
– การศึกษาระดับมัธยม โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น (ศึกษาศาสตร์)
– การศึกษาระดับปริญญาตรี คณะศิลปศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษธุรกิจ (Arts Business English) จาก มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
– เคยเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลหญิงประจำโรงเรียน ได้รับเหรียญทองจากกีฬาสาธิตสามัคคี ครั้งที่ 29 จามจุรีเกมส์
– เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนโครงการ World Experience ณ Columbia Falls High School รัฐมอนแทนา สหรัฐอเมริกา เป็นเวลา 1 ปี
ด้านชีวิตครอบครัวของ มิน พีชญา วัฒนามนตรี
– ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โครงการหมู่บ้านจัดสรร และเป็นตัวแทนจำหน่ายวัสดุก่อสร้างครบวงจรรายใหญ่ใน จังหวัดขอนแก่น
ด้านวงการบันเทิง
เริ่มเข้าสู่วงการเมื่อ พ.ศ. 2549 จากการประกวด มิสทีนไทยแลนด์ 2006 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ขวัญใจสื่อมวลชน และ Miss I-Mobile
จากนั้น พ.ศ. 2552 มิน พีชญา ได้รับโอกาสในการเล่นละครพื้นบ้านเรื่อง ปลาบู่ทอง ซึ่งเป็นผลงานละครเรื่องแรกและสร้างชื่อเสียงให้เธอจากบทฝาแฝด เอื้อย-อ้าย จากนั้นเธอได้แสดงละครหลังข่าวเรื่อง เรือนซ่อนรัก , รักในม่านเมฆ , ปิ่นอนงค์ , หยกเลือดมังกร , ซินเดอเรล่ารองเท้าแตะ , ความลับนางมารร้าย , บ้านทรายทอง ซึ่งเป็นละครที่ได้รับอันดับความนิยมสูงสุดในปีนั้น
ทั้งยังได้รับโอกาสร่วมแสดงภาพยนตร์ของประเทศจีน เรื่อง The Nursery Room 3D รับบทเป็น Ye Zi Fei แสดงคู่กับ Zhu Yi Long นักแสดงชายชื่อดังชาวจีน ซึ่งจะออกฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศจีน มาเลเซีย และสิงคโปร์ ในช่วงเดือนเมษายนปี พ.ศ. 2559 อีกด้วย
ต่อมาในปีพ.ศ. 2563 เธอได้ออกมาเป็นนักแสดงอิสระหลังอยู่ช่อง 7 มา 11 ปีโดยละครเรื่องสุดท้ายที่เธอเล่นไว้ให้กับทางช่อง 7 คือเรื่อง สะใภ้อิมพอร์ต
ก่อนหน้านี้ช่วงต้นปี 2566 มิน พีชญา ได้ควัก 100 ล้าน ซื้อที่ดิน ทำธุรกิจ ขายหมู่บ้านจัดสรร ที่ขอนแก่น โดยเธอเผยไว้ว่า ธุรกิจสร้างบ้านจัดสรรนี้ ถือเป็นครั้งแรกกับการลงทุนทำธุรกิจที่ใช้เม็ดเงินมากขนาดนี้ คืออย่างที่หลายคนรู้ว่าครอบครัวมินทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว เราเห็นคุณพ่อคุณแม่ทำมาตั้งแต่เด็ก มันเหมือนกับซึมซับมาเรื่อยๆ พอเราโตขึ้น เราก็เลยอยากที่จะทำธุรกิจอะไรสักอย่างเป็นของตัวเองบ้าง งานในวงการบันเทิงก็ยังทำเหมือนเดิม