เปิด 2 สาเหตุไม่ได้เงิน 10,000 บ.โดนแล้วไม่ผ่าน1.9 แสนคน
(27 ก.ย.2567) การจ่ายเงิน 10,000 บาท ประชาชนผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการในวันที่ 3 ก็ยังเป็นไปอย่างคึกคัก
ชาว จ.พิจิตรที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ยืนรอถอนเงินสด 10,000 บาท ที่ธนาคารต่างๆ ภายในตัวเมือง ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา
โดยเฉพาะที่ธนาคาร ธ.ก.ส.ซึ่งมีตู้ปรับสมุดบัญชีให้ประชาชนตรวจสอบยอดเงิน ก่อนจะเข้าคิวรอเวลาธนาคารเปิดทำการ บางส่วนบอกว่านอกจากจะนำเงินที่ได้ไปซื้อ ข้าวสาร บางส่วนก็จะนำไปใช้หนี้นอกระบบ
ส่วน จ.กำแพงเพชร พบว่าหลังมีการจ่ายเงิน 10,000 บาท ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทำให้การจับจ่ายใช้สอยในตลาดสดคึกคักมากยิ่งขึ้น
แม่ค้าในตลาดศูนย์การค้าต่างบอกว่าการค้าขายในช่วงนี้ดีมาก ประชาชนมีกำลังซื้อมากขึ้น ไม่มีการต่อรองราคาสินค้าเหมือนเมื่อก่อน จึงสั่งสินค้ามาขายเพิ่มขึ้น
ส่วนที่ธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาบ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก ประชาชนต่างพากันมารอเบิกถอนเงิน 10,000 บาทก่อนเวลาเปิดทำการ เนื่องจาก ธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาบ้านกลาง จะหยุดให้บริการตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย.นี้ และหากไม่มาเบิกเงินภายในช่วงนี้ ชาวบ้าน ต.บ้านกลาง จะต้องเดินทางไปยังธนาคาร ธ.ก.ส. สาขาอินโดจีน ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ต่ำกว่า 20 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ลำบากมาก สำหรับคนยากจนและผู้สูงอายุ รวมถึงผู้พิการ
ตรวจสอบผู้สูงอายุกดเงินหมื่นจากตู้เอทีเอ็มแต่ไม่ได้เงิน
นายมทนะ รินสันเทียะ ผู้จัดการ ธ.ก.ส.สาขาโนนไทย จ.นครราชสีมาได้โพสต์เฟซบุ๊กลงในกลุ่มโนนไทยบ้านฉัน ระบุว่า ท่านผู้ที่เอาเงินหมื่น ของคนแก่ไปให้รีบนำเอามาคืนนะครับ ภาพท่าน อยู่ในกล้องวงจรปิดธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาโนนไทย
พร้อมเปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. เมื่อวานนี้ โดยผู้เสียหายได้ไปกดเงิน 10,000 บาท ที่ตู้เอทีเอ็มในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.โนนไทย ซึ่งหลังจากกดไปแล้วยืนรอได้ซักครู่แต่เงินไม่ออกจากตู้เอทีเอ็ม ก่อนที่จะเดินทางไปยังธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาจอหอ และพบว่าเงินถูกกดออกมาแล้ว เบื้องต้นทางธนาคารได้ตรวจสอบโดยละเอียดว่าเกิดจากสาเหตุใด
และระหว่างนี้ยังแจ้งเตือนผู้สูงอายุและกลุ่มเปราะบางเพิ่มความระมัดระวังการกดเงินจากตู้เอทีเอ็มอีกด้วย
ผู้สูงอายุเรียกร้องตรวจสอบสิทธิบัตรสวัดิการแห่งรัฐใหม่
ผู้สูงอายุ จ.เลย หลายคนเรียกร้องให้ภาครัฐตรวจสอบสิทธิ์บัตรสวัดิการแห่งรัฐใหม่ เพราะหลายคนอ้างว่ายากจน รายได้น้อย แต่ไม่ได้รับสิทธิ์ จึงไม่ได้รับเงิน 10,000 บาท พลาดโอกาสที่จะได้เงินไปใช้จ่ายทั้งที่ได้รับความลำบาก
มท.สั่ง จนท.ตรวจสอบทวงหนี้เงินหมื่นหน้าตู้เอทีเอ็ม
ก่อนหน้านี้ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุถึงกรณีเจ้าหนี้ไปยืนรอทวงหนี้จากลูกหนี้ที่ได้รับเงิน 10,000 บาทตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ หน้าตู้เอทีเอ็มว่า เจ้าหน้าที่มีมาตรการดูแลไม่ให้เกิดการข่มขู่ทวงหนี้ พร้อมกันนี้ฝ่ายปกครอง โดยนายอำเภอในพื้นที่ต่างๆ ได้ประสานกับตำรวจ ติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
พร้อมมองว่าหากผู้ได้รับเงิน 10,000 บาท นำไปใช้หนี้ก็ก็เป็นการหมุนเวียนเงินและเกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจได้ แม้จะมีถูกตั้งคำถามว่า การนำเงินไปจ่ายหนี้อาจไม่ตรงเป้าหมายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างแท้จริง
สรุปเงิน 10,000 วันที่ 26 ก.ย.โอนเงินไม่สำเร็จ 141,062 คน
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าการโอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ (โครงการฯ) ซึ่งกระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้โอนเงินให้กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.2567 เป็นต้นมา
โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวว่า การโอนเงินเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2567 ให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่มีเลขประจำตัวประชาชนลงท้ายด้วยเลข 1 - 3 จำนวน 4.51 ล้านคน พบว่า มีการโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 141,062 คน
ทำให้มียอดสะสมของการโอนเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมายสำเร็จแล้วรวมทั้งสิ้น 7.48 ล้านคน และการโอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 190,445 คน
ทั้งนี้ ในภาพรวมมีสาเหตุการโอนเงินไม่สำเร็จของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม ดังนี้
1. คนพิการ เช่น บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น
2. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เช่น ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน บัญชีไม่มีการเคลื่อนไหว บัญชีเงินฝากธนาคารถูกปิด เลขบัญชีเงินฝากธนาคารไม่ถูกต้อง เป็นต้น
จึงขอประชาสัมพันธ์ให้ผู้มีสิทธิดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขประจำตัวประชาชน หรือติดต่อธนาคาร เพื่อแก้ไขบัญชีเงินฝากธนาคารที่มีปัญหาข้างต้น ภายในวันที่ 18 ต.ค.2567 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทันภายในวันที่ 22 ต.ค.2567
นอกจากนี้ สำหรับคนพิการจำนวนประมาณ 90,000 คน ที่บัตรประจำตัวคนพิการหมดอายุ หรือข้อมูลบัตรประจำตัวคนพิการไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับการโอนเงินเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2567 ขอแนะนำให้ดำเนินการต่ออายุบัตรประจำตัวคนพิการ ทำบัตรประจำตัวคนพิการ หรือแก้ไขข้อมูลประจำตัวคนพิการที่ศูนย์บริการคนพิการทั่วประเทศให้ถูกต้อง ภายในวันที่ 10 ต.ค.2567 เพื่อให้ได้รับการจ่ายเงินซ้ำได้ทันภายในวันที่ 22 ต.ค.2567