สามี-ภรรยา ถูกคร่าชีวิตด้วยมะเร็งตับ แพทย์ชี้สารก่อมะเร็งอยู่ในครัวมานานแล้ว

สามี-ภรรยา ถูกคร่าชีวิตด้วยมะเร็งตับ แพทย์ชี้สารก่อมะเร็งอยู่ในครัวมานานแล้ว

มะเร็ง เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย โดยมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติเกิดเป็นก้อนเนื้อที่มีการลุกลามไปยังอวัยวะข้างเคียง หรือกระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ ผ่านทางระบบเลือด หรือระบบทางเดินน้ำเหลือง โรคมะเร็งมีหลากหลายชนิดขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็นจุดกำเนิดของโรค และชนิดของเซลล์มะเร็ง และยังทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการที่เป็รโรคนี้เยอะมากนั่นเอง

สื่อต่างประเทศ รายงานพบว่า ฝ่ายภรรยาอายุ 42 ปี รู้สึกเหนื่อยและรู้สึกเสียวซ่าในท้อง ในตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเพราะมีประจำเดือนจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่เมื่ออาการแย่ลงอย่างมาก เริ่มมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องช่วงบน และน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว สามีจึงตัดสินใจพาไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล

ผลการตรวจพบว่าเธอเป็น มะเร็งตับระยะสุดท้าย เมื่อได้ยินอาการของภรรยา สามีก็เป็นลมหมดสติในโรงพยาบาลทันทีสิ่งที่น่าเศร้ากว่านั้นคือเมื่อแพทย์เริ่มสงสัยในอาการของเขา และพาไปอัลตราซาวนด์ สแกน ผลตรวจก็พบว่าสามีเองก็เป็นมะเร็งชนิดเดียวกับภรรยา

ในระหว่างการตรวจร่างกายผลทดสอบพบว่า ปริมาณอะฟลาทอกซินในเลือดมากเกินไป โดยแพทย์พิจารณาว่าสารพิษชนิดนี้เป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยของทั้งสามีภรรยา แม้จะได้รับการดูแลรักษาอย่างเต็มที่จากเจ้าหน้าที่พยาบาล แต่สุดท้ายพวกเขาทั้งคู่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา

ทำไมคู่สมรสจึงเป็นมะเร็งชนิดเดียวกัน? สาเหตุมักเป็นเพราะทั้งสองอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลานาน วิถีชีวิตและการทานอาหารส่วนใหญ่ล้วนแบบเดียวกัน หากคู่ครองตรวจพบว่าเป็นมะเร็ง ก็มีโอกาสที่อีกฝ่ายจะเป็นมะเร็งได้เช่นกัน

แพทย์เผย สารก่อมะเร็งอยู่ในครัวมานานแล้ว

แพทย์อ้างอิงตามบันทึกการรักษาพบว่า ลักษณะการใช้ชีวิตของคู่สามีภรรยาข้างต้น มีนิสัยชอบใช้น้ำมันปรุงอาหารคุณภาพต่ำ มาเป็นจำนวนมากๆ แล้วค่อยทยอยใช้ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ซึ่งน้ำมันจำพวกนี้มักไม่สามารถควบคุมคุณภาพของส่วนผสมได้ เนื่องจากเพื่อลดต้นทุน ทำให้โรงงานผลิตหลายแห่งจึงซื้อถั่วลิสงขึ้นราหรือเมล็ดทานตะวันมาเป็นส่วนผสม อีกทั้งหรือสถานที่หลายแห่งยังไม่มีขั้นตอนการผลิตแบบมืออาชีพ รวมทั้งการเก็บรักษาวัสดุที่อาจเกิดความเสียหาย

หากนำส่วนผสมที่ขึ้นราเหล่านี้มาสกัดน้ำมัน จะทำให้อะฟลาทอกซินในน้ำมันปรุงอาหารเกินมาตรฐานอย่างแน่นอน นอกจากนี้ น้ำมันที่สกัดเองไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน หากเก็บไว้ไม่ถูกต้อง อะฟลาทอกซินจะถูกสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว ในปี 2019 สำนักบริหารการตลาดของจีน พบว่าน้ำมันถั่วลิสงและผลิตภัณฑ์น้ำมันงาสกัดเองจำนวนมาก มีอะฟลาทอกซินมากกว่าที่กำหนดถึง 12 เท่า

นอกจากน้ำมันสกัดเองที่ขายกันทั่วไปแล้ว ครอบครัวต่างๆ ก็ไม่ควรใช้น้ำมันปรุงอาหารที่เคยใช้มาหลายครั้งแล้ว เนื่องจากเมื่อน้ำมันปรุงอาหารได้รับความร้อนมากเกินไป ไม่เพียงแต่สูญเสียสารอาหารเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสารบางชนิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย และยังมีเศษอาหารตกค้างหลังกระบวนการปรุงอาหาร ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าอีกด้วย หากใช้น้ำมันปรุงอาหารซ้ำบ่อยๆ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง

น้ำมันปรุงอาหารแบบไหนดีที่สุด?

ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ น้ำมันปรุงอาหารที่ดีที่สุดคือน้ำมันยี่ห้อที่เชื่อถือได้ มีบรรจุภัณฑ์ที่ชัดเจน และได้รับการทดสอบคุณภาพโดยหน่วยงานแล้ว นอกจากนี้ ยังสามารถใช้น้ำมันพืชปรุงอาหารที่มีโอเมก้า 3, 6, 9 ในปริมาณสูง เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก ซึ่งมีฤทธิ์ทางชีวภาพสูง มีบทบาทในการเปลี่ยนคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีในเลือด เพื่อช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ และความดันโลหิตสูงในผู้สูงอายุ

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ