รู้ไหม! เจ็บคอ แบบไหนหายเอง แบบไหนต้องระวัง และควรกินอะไร และไม่ควรกินอะไร
โดยบางคนรู้สึกระคายคอ กระแอมทั้งวัน จิบน้ำบ่อยๆ ก็ยังไม่หายเจ็บคอ คันคอสักที แถมเวลาจะกลืนน้ำลายหรือดื่มน้ำแต่ละครั้งก็ลำบากมากขึ้น ซึ่งหลายคนจะรู้ได้เลยว่านี่เป็นอาการเริ่มต้นที่ส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังจะไม่สบายแน่นอน หากแต่อาการเจ็บคอนั้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุและมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน ซึ่งบางสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ ในขณะที่เชื้อบางชนิดไม่จำเป็นต้องกินยาฆ่าเชื้อ แต่หากเข้าใจผิดและซื้อยากินเองอาจเสี่ยงดื้อยาในอนาคตได้ วันนี้เราจะมาตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่อง “เจ็บคอ” ที่คุณควรรู้
เจ็บคอ คืออะไร?
อาการเจ็บคอ (Sore Throat) เป็นความเจ็บป่วยของบริเวณเนื้อเยื่อในลำคอ ต่อมทอนซิล กล่องเสียงและส่วนอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บ คัน หรือระคายเคืองภายในลำคอ และมักมีอาการมากขึ้นขณะกลืน รวมถึงอาจทำให้ไอและเสียงเปลี่ยนไปได้เช่นกัน
สาเหตุของการเจ็บคอเกิดจากอะไรได้บ้าง?
สาเหตุของอาการเจ็บคอสามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ
-เจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อ โดยส่วนใหญ่จะพบว่ามาจากเชื้อไวรัส ซึ่งการเจ็บคอจากเชื้อไวรัสจะสามารถหายได้เองภายใน 3-7 วัน โดยไม่จำเป็นต้องกินยาปฏิชีวนะ ซึ่งแตกต่างจากการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่จะมีอาการนานกว่า และต้องรับประทานยาปฏิชีวนะตามที่แพทย์สั่งต่อเนื่องจนหมด
-เจ็บคอที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ โรคบางโรคสามารถทำให้เกิดอาการเจ็บคอหรือคออักเสบได้ เช่น ไซนัส ภูมิแพ้ กรดไหลย้อน รวมไปถึงพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งเสริมให้เกิดอาการเจ็บคอ เคืองคอได้ เช่น สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ ชอบรับประทานอาหารทอดๆ มันๆ หรืออาหารรสจัด เป็นต้น
อาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสและติดเชื้อแบคทีเรีย มีอาการแตกต่างกันอย่างไร
-เจ็บคอจากการติดเชื้อไวรัส
มักมีอาการเหมือนกับไข้หวัด มีไข้ ไอ น้ำมูกไหล เสียงแหบ เจ็บคอมีความรุนแรงน้อย - ปานกลาง คอและทอนซิลบวมแดง แต่สิ่งสำคัญคือไม่มีจุดหนอง มักมีอาการปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว
-เจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรีย
มีไข้ คัดจมูกและปวดตึงใบหน้า แต่มักไม่มีอาการไอ ลิ้นเป็นฝ้า คอแดง ลิ้นไก่และทอนซิลบวมแดง มีจุดหนองซึ่งเป็นความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดในการสังเกตว่าเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย รวมไปถึงต่อมน้ำเหลืองใต้ขากรรไกรบวมโต กดแล้วเจ็บ
วิธีรักษาอาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ต้องกินยาอะไรและดูแลตัวเองอย่างไร
หากมีอาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิฉัย หรือปรึกษาเภสัชกร เพื่อรับยาปฏชีวนะ โดยจะต้องรับประทานยาต่อเนื่องจนหมด เพื่อประสิทธิภาพของตัวยาและลดโอกาสการดื้อยา แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม และควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำ รับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อและสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคจากภายนอกเข้าสู่ร่างกายเพิ่มและป้องกันการแพร่กระจายของโรค
วิธีรักษาอาการเจ็บคอที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ต้องกินยาอะไรและดูแลตัวเองอย่างไร
สำหรับอาการเจ็บคอที่มาจากการติดเชื้อไวรัส ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ แต่สามารถรับประทานยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก หรือยาตามอาการที่เป็นได้ รวมถึงดูแลตัวเองด้วยการนอนพักผ่อนให้เพียงพอ ทำร่างกายให้อบอุ่น ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องมากๆ สามารถกลั้วคอด้วยน้ำเกลือเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อน และที่สำคัญควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคจากภายนอกเข้าสู่ร่างกายเพิ่มและป้องกันการแพร่กระจายของโรค
เจ็บคอควรกินอะไรดี และไม่ควรกิน หรือห้ามกินอะไรบ้าง
-เลือกกินอาหารรสอ่อน หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
-ไม่ควรดื่มน้ำเย็น แต่ให้ดื่มน้ำอุณหภูมิห้องเยอะๆ แทน แต่ถ้าเจ็บคอที่เกิดจากต่อมทอนซิลอักเสบ สามารถดื่มน้ำเย็นหรือกินไอศครีมได้ ซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองได้
-ซุปไก่ ในซุปไก่นั้นอุดมไปด้วยโซเดียม ซึ่งมีส่วนช่วยลดการอักเสบ
-ชาเขียวอุ่น หรือน้ำขิง นอกจากเป็นเมนูแก้เบื่อจากการจิบน้ำเปล่าธรรมดาได้ดีแล้ว ยังมีส่วนช่วยรักษาการติดเชื้อ ลดอาการเจ็บคอได้อีกด้วย
-โกโก้ ดาร์กช็อกโกแลต มีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยลดอาการอักเสบของร่างกายได้
เจ็บคอ หรือคออักเสบแบบไหนที่ควรไปพบแพทย์
-เจ็บคอมาก คอแดง ร่วมกับมีไข้
-เจ็บคอ ร่วมกับหายใจและกลืนลำบาก
-เจ็บคอและมีอาการปวดหู ปวดศีรษะ
-เจ็บคอ เสียงแหบ มีเลือดปนเสมหะ หรือน้ำลาย