4 ประโยชน์ของ กิมจิ กินอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

4 ประโยชน์ของ กิมจิ กินอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ

คนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับสภาพแวดล้อมและการทำงานของลำไส้เป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาเชื่อว่าหากสุขภาพของลำไส้ดี ก็จะส่งผลให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง คงความงามและความอ่อนเยาว์ไว้ รวมถึงทำให้ผอมด้วย ดังนั้นคนญี่ปุ่นมักให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์อาหารหมักดองที่อุดมไปด้วยกรดแลคติก แอซิด แบคทีเรีย หนึ่งในอาหารหมักดองที่แม้จะมีสัญชาติเกาหลี แต่คนญี่ปุ่นก็นิยมรับประทานเป็นประจำเกือบทุกวันคือ กิมจิ มารู้ประโยชน์ของกิมจิ วิธีการรับประทานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้จากคนญี่ปุ่นกัน

4 ประโยชน์ของ กิมจิ

1.ช่วยให้การทำงานของลำไส้ดี

กิมจิอุดมไปด้วยแลคติกแอซิด แบคทีเรีย การรับประทานกิมจิเป็นประจำจะทำให้สิ่งแวดล้อมในลำไส้ดี ส่งผลให้มีการมีการขับถ่ายดี ซึ่งช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย ทำให้ผิวพรรณสดใส ช่วยลดการสะสมของไขมัน อีกทั้งยังทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น เพราะ 60-70 เปอร์เซ็นต์ของเซลล์ภูมิคุ้มกันนั้นสร้างมาจากลำไส้

2.ช่วยเสริมการทำงานของระบบเผาผลาญพลังงาน

กิมจิอุดมไปด้วยวิตามินบี 1 และบี 2 โดยวิตามินบี 1 มีบทบาทสำคัญในการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต และวิตามินบี 2 มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการเผาผลาญไขมัน จึงช่วยไม่ให้อ้วนได้ง่าย

3.ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย

กิมจิอุดมไปด้วยสาร GABA ซึ่งช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความเครียดและยังช่วยให้นอนหลับได้ดีด้วย

4.ช่วยเสริมการเผาผลาญไขมัน

สารแคปไซซิน (Capsaicin) ในกิมจิจะช่วยเสริมการเผาผลาญไขมันในร่างกาย จึงมีผลช่วยลดน้ำหนักได้ นอกจากนี้สารชนิดนี้ยังช่วยให้ลำไส้เคลื่อนตัวได้ดี ทำให้การขับถ่ายอุจจาระคล่อง ส่งผลให้สิ่งแวดล้อมในลำไส้ดี และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงของร่างกาย

วิธีการรับประทานกิมจิเพื่อช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น

1.รับประทานร่วมกับอาหารอื่นๆ เช่น อะโวคาโดหรือน้ำมันมะกอก อะโวคาโดอุดมไปด้วยเส้นใยอาหารและวิตามินอี ซึ่งช่วยเสริมคุณค่าด้านความงามยกกำลังสอง น้ำมันมะกอกประกอบด้วยกรดโอเลอิก (Oleic acid) ที่ช่วยให้การขับถ่ายของเสียออกจากทางอุจจาระได้ง่ายขึ้นและส่งผลให้สิ่งแวดล้อมในลำไส้ดี

2.รับประทานตอนกลางคืน ลำไส้คนเรามักจะเคลื่อนที่ทำงานได้ดีในตอนกลางคืน ดังนั้นเวลาที่จะทำให้ร่างกายนำแลคติกแอซิด แบคทีเรียจากกิมจิไปเสริมการทำงานของลำไส้ให้ดีขึ้น คือเวลากลางคืนหลังจากการตื่นนอนในตอนเช้าประมาณ 15-19 ชั่วโมง

3.รับประทานโดยไม่ปรุงด้วยความร้อน แลคติกแอซิด แบคทีเรียไม่ทนต่อความร้อนที่ใช้ปรุงอาหาร การรับประทานกิมจิดิบจะทำให้ร่างกายรับแบคทีเรียชนิดดีนี้เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่

4.รับประทานทุกวันในปริมาณพอเหมาะ การรับประทานกิมจิทุกวันจะทำให้ร่างกายรับแลคติกแอซิด แบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายเพื่อเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีของลำไส้ แต่ก็ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป เพราะนอกจากจะรับปริมาณเกลือเข้าสู่ร่างกายมากเกินความจำเป็นแล้ว ยังทำให้ร่างกายรับสารแคปไซซินในปริมาณมากเกินไป จนไปทำให้เนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหารระคายเคือง และหากสารชนิดนี้ไปทำลายเนื้อเยื่อที่ลำไส้เล็กก็จะส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ดังนั้นจึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะพอดีเพื่อประโยชน์สูงสุดต่อร่างกาย

5.ไม่รับประทานในขณะที่ท้องว่าง หากรับประทานกิมจิในขณะที่ท้องว่าง น้ำย่อยในกระเพาะอาหารจะย่อยสลายแลคติกแอซิด แบคทีเรีย ทำให้แบคทีเรียรอดชีวิตไปสู่ลำไส้น้อย เวลาที่ดีในการรับประทานกิมจิ คือ รับประทานพร้อมกับอาหาร หรือหลังมื้ออาหาร นอกจากดีต่อสุขภาพลำไส้แล้วกิมจิก็ดีต่อสุขภาพความงาม บ้านเราหาซื้อกิมจิได้ง่าย ลองหามารับประทานกันดู

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ