งูสวัด 3 สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดมาโดยตลอด

งูสวัด 3 สิ่งที่หลายคนเข้าใจผิดมาโดยตลอด

โรคงูสวัด เป็นโรคที่เป็นที่รู้จักกันตั้งแต่เรายังเด็กๆ เพราะส่วนใหญ่แล้วเราอาจจะเคยเห็นเพื่อนเป็น ญาติของเราเป็น หรือเราอาจจะเป็นเองโดยมีอาการที่เห็นกันชัดๆ คือ มีตุ่มพุพอง หรือมีน้ำใสๆ อยู่ข้างใน ขึ้นตามบริเวณของร่างกา ไม่ว่าจะเป็นแขน ขา หน้าปก แผ่นหลัง หรือใบหน้า และอาจมาพร้อมกับการมีไข้

อาการของโรคงูสวัด

อาการของโรคงูสวัดจะเริ่มจากการปวดแสบร้อนบริเวณชายโครง, ใบหน้า และแขน เมื่อผ่านไปได้สัก 2-3 วันจะมีผื่นแดงขึ้นตรงบริเวณที่ปวดแสบและกลายเป็นตุ่มน้ำใส โดยผื่นมักเรียงกันเป็นกลุ่มหรือเป็นแนวยาวตามแนวเส้นประสาท ตามปกติผื่นอาจจะหายเองได้ภายใน 2 สัปดาห์

ภาวะแทรกซ้อนของโรคงูสวัด

โรคงูสวัดอาจหายได้เองโดยไม่มีอันตรายใดๆ มาก แต่หากมีอาการแทรกซ้อน อาจทำให้เป้นอันตรายต่อร่างกายได้มากกว่าเดิม เช่น อาการปวดเรื้อรังอีก 3-12 เดือน การติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณตา ภาวะแทรกซ้อนทางหู หรืออาจรุนแรงระดับปอดอักเสบและเยื้อหุ้มสมองอักเสบที่ทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งภาวะแทรกซ้อนพบมากถึงร้อยละ 50 ของผู้ป่วยอายุเกิน 50 และมากกว่าร้อยละ 70 ในผู้ป่วยอายุเกิน 70 ปี

งูสวัด กับ 3 สิ่งยอดฮิตที่คุณอาจเข้าใจผิดมาโดยตลอด

1.งูสวัด พันรอบเอวแล้วจะเสียชีวิต?

ตอบ ไม่จริง โรคงูสวัดจะก่อให้เกิดผื่นขึ้นเพียงซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย แต่ในผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ โรคอาจลุกลามมากกว่าปกติ และเสี่ยงต่อชีวิต โดยเฉพาะหากมีอาการติดเชื้อซ้ำซ้อน

2.เคยเป็นงูสวัดแล้ว จะไม่เป็นซ้ำอีก?

ตอบ ไม่จริง แม้ว่าโดยส่วนใหญ่ โรคงูสวัดจะไม่เป็นซ้ำอีก แต่หากร่างกายอยู่ในสภาวะอ่อนแอ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ ก็มีโอกาสที่จะเป็นซ้ำได้

3.เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสแล้ว สามารถป้องกันโรคงูสวัดได้ ไม่ต้องฉีดวัคซีนซ้ำ?

ตอบ ไม่จริง เราสามารถฉีดวัคซีนโรคงูสวัดเพิ่มได้ เพราะถึงแม้ว่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส กับโรคงูสวัดจะเป็นชนิดเดียวกัน แต่สำหรับวัคซีนโรคงูสวัด จะมีความเข้มข้นมากกว่าวัคซีนโรคอีสุกอีใสถึง 14 เท่า ดังนั้นถึงแม้ว่าวัคซีนทั้งสองชนิดจะสามารถปกป้องร่างกายจากเชื้อไวรัสชนิดเดียวกัน แต่ไม่สามารถใช้ทดแทนกันได้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ