สาว 42 เขียนจดหมายถึงลูก ก่อนจบชีวิตตัวเอง
วันที่ 10 มกราคม ขณะที่ ร.ต.อ.สรวิศิษฏ์ มีเพียร รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนโรงพัก รับแจ้งจากศูนย์วิทยุร่มโพธิ์ทองว่า มีเหตุหญิงอายุ 42 ปี ผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 378 ม.5 บ.หนองนาหล่ำ ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี จึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี และอาสากู้ภัยมูลนิธิส่งเสริมธรรมแห่งอุดรธานี
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว พบศพนางสาวอรอุมา ฟาเกอร์แซนด์ หรือ เจน อายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน หน้าประตูครัว ใช้เชือกไนล่อนสีน้ำเงินผูกคอตัวเองโยงกับขื่อหลังคา ปลายเชือกมัดเข้ากับช่องลมกำแพงข้างบ้าน สภาพศพสวมชุดนอนสีครีม ตรวจสอบตามร่างกายและรอบบริเวณไม่พบร่องรอยการต่อสู้และถูกทำร้าย เสียชีวิตจากขาดอากาศหายใจ ด้วยการผูกคอตัวเองมาประมาณ 7-8 ชั่วโมง มีเก้าอี้ไม้วางตั้งอยู่ที่พื้นใกล้กับศพ คาดว่าผู้ตายใช้ปีนขึ้นไปผูกคอ และพบจดหมายสั่งเสียลูกชาย และคนข้างบ้านที่เคารพรักนับถือเหมือนพ่อแม่แท้ๆ วางอยู่ในครัว
จดหมายของผู้ตายพบวางอยู่ในครัวเป็นกระดาษบิลเงินสด เขียนด้วยลายมือของผู้ตายพร้อมกับลงชื่อตัวเองว่า “แม่ขอโทษ แม่ผิดเอง ที่ดูแลลูกไม่ดี แม่ขอโทษนะลูก สมบัติทุกอย่างของข้าพเจ้า ขอมอบให้นางปุ๊ และนายประยูร ลาสนธิ” ญาติไม่ติดใจในสาเหตุ แต่เจ้าหน้าที่นำศพผู้ตายไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของผู้ตาย พบว่าผู้ตายวีดีโอคอลหาเพื่อนชายชาวต่างชาติประเทศนอร์เวย์ เวลา 21.46 น. วันที่ 9 มกราคม 2566 ที่เพิ่งคบหากัน หลังจากแยกทางกับสามีชาวประเทศนอร์เวย์ได้ประมาณ 1 ปีกว่า ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในมือถือผู้ตาย ระบุเวลา 23.00 น. พบผู้ตายขับรถเก๋งสีขาว ยี่ห้อมาสด้า 2 ทะเบียน ขข 2142 อุดรธานี ถอยเข้าโรงเก็บรถหน้าบ้าน จากนั้นผู้ตายได้เดินปิดประตูหน้าบ้านลง ก่อนเดินเข้าไปทางข้างบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายผูกคอเสียชีวิต
สอบสวนนายพูลศรี โพธิจักร อายุ 48 ปี ชาวบ้านหนองนาหล่ำ ผู้พบศพคนแรก ให้การว่า ผู้ตายเคารพรักตนเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง และวานให้ตนมารับส่งน้องเจเจ อายุ 13 ปี ลูกชายของผู้ตาย ที่ตนรักเหมือนหลาน ผู้ตายให้ค่าจ้างเดือนละ 2 พันบาท บางวันก็ขี่รถจักรยานยนต์ของตนไปส่ง บางวันก็ขับรถเก๋งของผู้ตายไปส่ง ตอนที่เขาไปทำงานเป็นหมอนวดแผนโบราณที่ประเทศสิงคโปร ก่อนพบศพ ตนก็ขี่รถจักรยานยนต์มารับน้องเจเจตามปกติ เมื่อเดินเข้าไปทางครัวหลังบ้าน ก็พบผู้ตายผูกคอเสียชีวิตแล้ว ตนตกใจจนขาสั่น ทำอะไรไม่ถูก จึงวิ่งไปบอกคนข้างบ้านมาช่วยตรวจสอบและโทรเรียกเจ้าหน้าที่
ผู้ตายเป็นคนร่าเริง ไม่คิดว่าเขาจะมาคิดสั้นแบบนี้ ส่วนสาเหตุตนคิดว่าผู้ตายเครียดสะสม หลังจากแยกทางกับสามีชาวนอร์เวย์ เมื่อประมาณ 1 ปีกว่า จากนั้นเขาก็มีอาการซึมเศร้า และดื่มเหล้าหนัก หลังจากเขาเดินทางกลับมาจากทำงานหมอนวดแผนโบราณที่ประเทศสิงคโปร์ ได้ประมาณ 2 เดือน และเคยพูดให้ตนฟังว่า ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า หลังจากไปหาหมอ อยากบอกดวงวิญญาณน้องเจนว่า ให้ไปสู่สุขคติในภพภูมิที่ดี ไม่ต้องเป็นห่วงลูก“
ด้านนายประยูร ลาสนธิ อายุ 63 ปี เพื่อนบ้านที่ผู้ตายเคารพ เปิดเผยว่า เมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ผู้ตายทำงานอยู่ที่บริษัทขายวัสดุก่อสร้างมีชื่อแห่งหนึ่งในตัวเมืองอุดรธานี และเช่าห้องพักอยู่กับสามีคนไทยใกล้บ้านของตนเอง ก่อนทั้งสองคนจะแยกทางกัน ตนและภรรยารักและเอ็นดูผู้ตายเหมือนลูกสาว เวลาผู้ตายนำลูกชาย คือน้องเจเจ มาให้ตนเลี้ยงดูเวลาออกไปทำงาน ตั้งแต่น้องเจเจ อายุเพียง 8 เดือน ตนและภรรยาก็รักเหมือนหลานในใส้
ผู้ตายมีน้องสาวคนเดียวทำงานอยู่ที่ กทม. ส่วนพ่อไปมีครอบครัวใหม่ หลังจากแม่ผู้ตายเสียชีวิต ตอนนี้ได้แจ้งน้องสาวผู้ตายให้รับรู้แล้ว ก่อนเกิดเหตุก็ไม่มีลางสังหรณ์ หรือร้างร้ายบอกเหตุล่วงหน้าเลย อยากบอกดวงวิญญาณของเจน ให้รับรู้ว่า ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ลูกชายของเจน พ่อก็จะเลี้ยงดูแลเหมือนลูกหลาน ตามที่เคยเลี้ยงดูแลมา 10 กว่าปี ให้ไปสู่สุขติภพภูมิที่ดี ในที่ของลูกเจนชอบ