จุ๋ย สุดกลั้น กำลังจะมีบุตรห้ามเครียด
หลังจากที่ต้องเจอกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (15 มี.ค.) จุ๋ย วรัทยา ก็ได้ไลฟ์สดผ่านอินสตาแกรม @warattaya ชี้แจงรายละเอียดทั้งน้ำตา เพื่ออธิบายเหตุและผลให้ทุกคนได้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของสุขภาพที่จำเป็นจะต้องให้ความใส่ใจและดูแลเป็นพิเศษ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ไลฟ์สดนั้น พุฒ พุฒิชัย ก็ได้นั่งให้กำลังใจเคียงข้างเจ้าตัวอยู่ตลอด
ในฐานะที่จุ๋ยเป็นรุ่นพี่ในวงการ จุ๋ยชื่นชมโมในความกตัญญู และความที่เขาเป็นผู้หญิงแข็งแกร่ง แข็งแรง แต่วันนี้ที่จุ๋ยตัดสินใจออกมาพูดเรื่องนี้ก็คือ จุ๋ยอยากให้สังคมได้เห็นว่า การอินเกินไปหรือการมีส่วนร่วมในการคอมเมนต์ แต่ไม่ได้รู้เรื่องในชีวิตของเราสองคนจริงๆ ว่าเราสองคนต้องเผชิญอะไรบ้าง
เพราะเอาจริงๆ แล้วตัวจุ๋ยเองก็อยู่ในกระบวนการขั้นตอนที่ห้ามเครียดเลย และก็ต้องดูแลตัวเองไม่ให้ติดโควิด เพราะถ้าจุ๋ยติด cv ทุกอย่างที่จุ๋ยทำมามันจะสูญเปล่าหมดเลย ซึ่งจุ๋ยใช้เวลาเป็นปีๆ ในการทำเรื่องนี้ แต่ว่าจุ๋ยก็ไม่สามารถอธิบายออกไปได้ในรายการแฉ
ดังนั้นวันนี้จุ๋ยก็เลยอยากจะออกมาบอกให้ฟังว่า (สะอื้น) จริงๆ ไม่อยากร้องไห้ แต่พอมันเกิดเรื่องในขณะที่จิตใจจุ๋ยอ่อนแอมากๆ (ร้องไห้)
คือ...จุ๋ยรู้สึกว่าการสูญเสียของน้องโม เราได้อะไรหลายๆ อย่างจากสิ่งที่น้องเคยพูดไปแล้ว มีหลายๆ คนบอกว่า ชีวิตโมเหมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่ควรอ่านและเป็นบทเรียน' สิ่งที่น้องเคยพูดว่า น้องเองน้องก็ไม่ไหวเหมือนกันที่ได้รับคอมเมนต์แย่ๆ หรือมีคนพูดจาแย่ๆ จุ๋ยก็เลยคิดว่า อ้าว หนังสือเล่มนั้น บทเรียนเล่มนั้น ไม่ได้บอกอะไรกับคนที่รักโม หรือคนที่กำลังอินกับข่าวโมเลยเหรอ
คือจุ๋ยเชื่อว่าน้องคงไม่ได้อยากให้การจากไปของน้องกลายมาเป็นเรื่องราวแบบนี้ และจุ๋ยก็เชื่อว่าน้องรับรู้ได้ว่าเราสองคนเสียใจมากๆ
ถึงแม้จุ๋ยจะไม่ได้เป็นคนที่ไม่สนิท ไม่ได้มีเบอร์โทรศัพท์ ไม่มีแชทน้อง หรือไม่เคยคุยกันเลยตั้งแต่เข้าวงการ 20 กว่าปี แต่ตอนที่จุ๋ยนั่งดูรายการของ พี่เจนนิเฟอร์ คิ้ม จุ๋ยก็ยังร้องไห้หนักมาก จุ๋ยอินมากๆ จุ๋ยตามข่าวของน้องโมในทุกวัน และก็รู้สึกสงสารในโชคชะตาของเขา อย่างวันนี้เราได้เห็นว่ามีคนรักเขามากๆ จุ๋ยก็ยังอยากให้เขาได้เห็นภาพนี้เหลือเกิน
แต่ถึงอย่างนั้นจุ๋ยก็พยายามพาตัวเองออกมาจากข่าว เพราะไม่เช่นนั้นมันจะส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของจุ๋ย จุ๋ยเลยต้องตามดูแค่พอประมาณ ส่วนเรื่องของการให้ความเห็น จุ๋ยก็จะพยายามให้ความเห็นอะไรที่น้อยมากๆ และก็ไม่อยากให้กระทบกับความรู้สึกของใคร อย่างเช่น ถามว่าเราไปไหม เราก็บอกว่าเราไม่ได้ไป แต่ถ้าถามอย่างอื่น อย่างเช่นเรื่องของงานศพ เราก็ไม่ได้ให้ความคิดเห็นอะไรและก็พูดแค่ส่วนที่พี่มดดำถามในวันนั้น ซึ่งจุ๋ยก็ไม่คิดเลยว่าเรื่องราวเหล่านั้นมันจะเป็นประเด็น
ด้วยความที่จุ๋ยต้องดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้ติด cv อะไรหลายๆ อย่าง และตัวคุณพุฒเองก็อยู่กับจุ๋ยตลอดทั้งวัน ดังนั้นเขาจึงต้องดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้เขานำเอาความเสี่ยงมาให้จุ๋ย การไปรวมกลุ่มกับคนหมู่มาก 100 คน ขึ้นไป 200 คนขึ้นไป เราก็จำเป็นจะต้องทำในบทบาทหน้าที่ของความเป็นเรา แต่ถามว่าเราใจดำไม่ได้รู้สึกเสียใจกับการจากไปของน้องโมเลยไหม มันไม่จริงเลยค่ะ
อีกอย่างคืออยากให้ใช้สติในการคอมเมนต์ อยากให้เข้าใจในความเป็นเราสองคน และยืนยันว่าเราสองคนไม่เคยมีปัญหากับใครเลย สำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ถึงแม้ว่ามันจะทำให้จุ๋ยเสียใจ แต่จุ๋ยก็จะพยายามไม่โมโห ไม่โกรธ ไม่เคืองกับข้อความใดๆ จุ๋ยขออภัยให้กับทุกคน ไม่ถือโทษโกรธ อโหสิกรรมให้หมดทุกอย่าง และขอให้ตรงนี้เป็นอภัยทาน ไม่อยากให้มีห่วงกรรมหรือเศษกรรมที่เกิดจากการทำร้ายจิตใจกัน
และต้องขอบคุณกำลังใจจากเพื่อนๆ จากแฟนคลับ รวมถึงคนใกล้ชิดที่เข้าใจในความเป็นตัวและ อีกทั้งส่วนตัวเราสองคนชื่นชมน้องโมในฐานะนักแสดงคนหนึ่ง ในฐานะลูกกตัญญูคนหนึ่ง ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งที่ต่อสู้กับคำว่าร้ายและสิ่งที่ต้องโดนในโซเชียลฯ
จุ๋ยไม่รู้เหมือนกันว่าการไลฟ์ครั้งนี้จะส่งผลดีหรือผลเสีย เพราะว่าทั้งหมดที่ออกมาวันนี้ จุ๋ยไม่ได้ออกมาแก้ตัว แต่จุ๋ยออกมาพูดในความเป็นจริงที่เราสองคนเผชิญอยู่ และอย่างที่บอกช่วงเวลานี้จุ๋ยไม่ได้อยากเครียดเลย ไม่อยากจะให้มีอะไรมากระทบจิตใจแต่ก็มีจนได้ ก็ถือว่ามันเป็นบททดสอบละกันว่าจุ๋ยต้องผ่านมันไปให้ได้ และก็อย่างที่บอกจุ๋ยให้อภัยจริงๆ ขอให้ตรงนี้เป็นอภัยทาน ไม่อยากให้มีเศษกรรมกระเด็นไปติดที่บุคคลใดเลย อันนี้มันเป็นความเชื่อส่วนบุคคลในเรื่องของกฎแห่งกรรมนะคะ ก็ฝากไว้เท่านี้
ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ ทุกคนที่มานั่งฟังนะครับ และก็สุดท้ายนี้เราสองคนของแสดงความเสียใจกับครอบครัวของพี่แตงโมอีกครั้งกับการจากไป และก็ขอให้พี่แตงโมขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ในภพภูมิที่ดี หวังว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกในชาติต่อๆ ไปครับผม