เปิดประวัติ หมอกฤตไท เพจสู้ดิวะ สู้มะเร็งจนวินาทีสุดท้าย

เปิดประวัติ หมอกฤตไท เพจสู้ดิวะ สู้มะเร็งจนวินาทีสุดท้าย

ขอแสดงความเสียใจกับครอบครับ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล หรือ หมอกฤตไท หลังเฟซบุ๊ก ไทภัทร ธนสมบัติกุล พ่อของหมอกฤตไทโพสต์เศร้า เดินทางปลอดภัยครับ ลูกชาย หลังก่อนหน้านี้ หมอกฤตไท จากเพจ สู้ดิวะ แจ้งข่าวเศร้า ผมคงอยู่ได้อีกไม่นาน โดยพ่อของหมอไดโพสต์รูปภาพเป็นรูปหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ระบุเวลา 10.59 น. ของวันนี้

ประวัติ หมอกฤตไท

กฤตไท ธนสมบัติกุล ปัจจุบันอายุ 29 ปี เกิดในครอบครัวเชื้อสายจีน จบมัธยมจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (OSK 131) ก่อนสอบติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่น 56 ได้สำเร็จตามที่หวัง

เรียนจบภายในระยะเวลา 6 ปีตามกำหนด ซึ่งระหว่างเรียนยังมีตำแหน่งนักบาสเกตบอลของคณะแพทย์เชียงใหม่พ่วงด้วย หลังเรียนจบได้ศึกษาต่อเฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ครอบครัว (Family Medicine) เป็นเวลา 3 ปี

ตอนที่กำลังเรียนแพทย์เฉพาะทาง กฤตไทได้ตัดสินใจเริ่มเรียนอีกด้านหนึ่งไปด้วยกันนั่นก็คือ ระบาดวิทยาคลินิก (Clinical Epidemiology and Clinical Statistic) โดยจะเกี่ยวข้องกับการรักษาผู้ป่วย ด้วยการสร้างผลงานวิจัย ผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และสถิติ ซึ่งยังไม่ค่อยได้รับความนิยมในประเทศไทยมากนัก

นอกจากนี้ หมอกฤตไทยังได้เรียนวิศวกรรมศาสตร์ต่อในระดับปริญญาโทด้านวิทยาการข้อมูล ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อต่อยอดแนวคิดทางธุรกิจ การแก้ปัญหา และการจัดการข้อมูลที่สำคัญในโลกอนาคต

หลังจากที่เรียนจบเฉพาะทางตามที่ต้องการแล้ว หมอกฤตไทได้ถูกบรรจุเข้าทำงานเป็นอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งหมอหนุ่มไฟแรงที่พร้อมไปด้วยศักยภาพ และมีความสามารถในการสอน จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของทีม CE (clinical epidemiology) ร่วมกับอาจารย์เก่ง ๆหลายท่าน

ในด้านชีวิตส่วนตัว กฤตไทยังชอบออกกำลังกายและดูแลสุขภาพ ไม่สูบบุหรี่ ทำให้มีสุขภาพที่ค่อนข้างแข็งแรงมาโดยตลอด นอกจากนี้ยังวางแผนจะซื้อบ้านและแต่งงานกับคนรัก

หมอกฤตไท ตรวจพบมะเร็งปอดระยะที่ 4

หมอกฤตไท ในวัย 28 ปี เริ่มสังเกตเห็นอาการไอของตัวเอง จนเมื่อเข้าตรวจกับผู้เชี่ยวชาญทำให้ได้พบว่า ตนกำลังป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ไม่สามารถผ่าตัดเพื่อรักษาให้หายขาดได้ โดยเหลือปอดขวาที่แข็งแรงเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น โดยในเดือนตุลาคม 2565 ได้รับการวินิจฉัยเป็นมะเร็งปอดที่มีการลุกลามไปสมอง จึงเข้ารับการผ่าตัด รับการตรวจทั้งร่างกาย รับยาเคมีบำบัด รับการฉายแสง หลังจากรับผลข้างเคียงทุกอย่าง ขนร่วงหมดตัว จึงเริ่มตั้งหลักกับตัวเองใหม่ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน จึงตัดสินใจเปิดเพจ สู้ดิวะ ขึ้นมา เพื่อตั้งใจส่งต่อสิ่งเล็กๆ บางอย่าง ให้สังคม และล่าสุดก็ได้เขียนหนังสือสู้ดิวะ ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้อ่าน

ช่วงปลายเดือน ตุลาคม หมอกฤตไท ได้เข้าพิธีแต่งงานอย่างอบอุ่นกับ คุณพีม แฟนสาว

ก่อนที่จะโพสต์แจ้งข่าวร้ายว่า ผมคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้วครับ ใครมีอะไรอยากพูดอยากบอกผม เชิญได้เลยครับ ผมน่าจะไปช่วงกลางเดือนหน้า จากนั้นไว้เจอกันใหม่ชาติหน้านะครับ ณ ตอนนี้ผมพิมพ์ได้เท่านี้ก็เอาละครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดช่วง 30 ที่ผ่านมาครับ ขอโทษถ้าผมทำให้ใครไม่พอใจ

แม้เป็นเรื่องปกติที่แพทย์จะแจ้งผู้ป่วยว่า เวลาเหลืออีกเท่าไหร่ แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับและทำใจได้ ซึ่งคนในแวดวงการแพทย์ วงการบันเทิง สังคมออนไลน์ ต่างก็ร่วมส่งกำลังใจให้คุณหมออย่างล้นหลาม บางคนระบุว่า แม้ปาฎิหาริย์จะน้อยนิดแต่ก็ยังคงหวังให้มี ซึ่งเรื่องราวของคุณหมอก็เป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้สังคมว่า ชีวิตคนเราแสนสั้นและเปราะบางเหลือเกิน

ล่าสุด วันที่ 5 ธันวาคม 2566 เวลา 10.59 หมอกฤตไท ได้เสียชีวิตลงแล้ว

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ