วิธีเลือก ปลั๊กไฟหรือปลั๊กพ่วง ยังไงให้ปลอดภัยกับตัวเอง
เรียกได้ว่า คงมีหลายๆบ้านที่ใช้ปลั๊กไฟกันทุกบ้านเลยก็ว่าได้ ซึ่งสาเหตุหลักก็หนีไม่พ้นปลั๊กที่ไม่ได้มาตรฐานซะส่วนมาก แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่าต้องเลือกปลั๊กไฟแบบไหน วันนี้เราจะมาตอบให้หายสงสัยกัน
วิธีเลือกปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วง ให้ปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สิน
หลายคนอาจจะทราบกันดีว่า เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านเราต้องมีมาตรฐานที่กำกับไว้ก่อนวางขายทุกชิ้น ไม่อย่างนั้น จะถือเป็นสินค้าผิดกฎหมาย แต่จริงๆ แล้ว ยังมีจุดสังเกตอีกมากมายในการช่วยตัดสินใจในการเลือกซื้อ มาดูกันดีกว่า มีอะไรบ้าง
1.สินค้าต้องมีเครื่องหมาย มอก. เสมอ คำว่า มอก. เป็นคำที่คนส่วนใหญ่มักจะได้ยิน แต่ไม่ได้รู้ความหมายที่แท้จริงกันเท่าไหร่ มอก. ย่อมาจาก มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม สำหรับสินค้าที่ผ่านเกณฑ์การพิจารณาแล้วว่าปลอดภัย ส่วนตัวเลขที่ต้องสังเกตให้ดี คือ “มอก.2432-2555” เท่านั้น เพราะเป็นมาตรฐานที่ครอบคลุมสินค้าตัวนั้นทั้งชิ้น
2.ตัวสายไฟต้องได้มาตรฐาน มอก. สายไฟก็เป็นอีกหนึ่งจุดสังเกต เพราะจะมีตัวเลข มอก. กำกับแยกไว้เช่นกัน เพื่อรับรองมาตรฐานของตัวสายไฟว่าผ่านการตรวจสอบแล้ว มีความปลอดภัยต่อการนำไปใช้งาน จึงต้องมองหา “มอก. 11-2553” ไว้เสมอ และตัวสายไฟต้องมีการห่อหุ้มด้วยวัสดุที่ทนทาน และแข็งแรง
3.ตัวเต้ารับต้องได้มาตรฐาน มอก. จุดสำคัญอีกจุดที่ต้องเช็กให้ดี ก็คือ ตัวเต้ารับที่ต้องผ่านมาตรฐาน มอก. ไม่ต่างจากจุดอื่น โดยมีเลขกำกับคือ “มอก.166-2549” แต่แนะนำให้เลือกเต้ารับที่มีขาทำจากทองเหลือง หรือทองแดงจะดีกว่า เพื่อเป็นสื่อนำไฟฟ้าได้ดีกว่าโลหะชนิดอื่นๆ และควรเลือกที่เป็นแบบ 3 ขา ที่มีสายดินติดมาด้วย เพื่อป้องกันไฟฟ้ารั่ว
4.เลือกหัวปลั๊กที่หุ้มฉนวนกันไฟ หัวปลั๊กที่มีมาตรฐาน จะต้องมีตัวหุ้มฉนวนกันไฟที่ดูแข็งแรง ทนทาน เพื่อป้องกันไม่ให้มือไปสัมผัสโดนที่ขาของตัวปลั๊กจนเกิดอันตราย
5.เลือกปลั๊กที่มีระบบตัดไฟ แม้ว่าคุณภาพปลั๊กไฟจะดีแค่ไหนก็ตาม ความผิดพลาดก็เกิดขึ้นได้เสมอ จึงควรเลือกปลั๊กที่มีระบบเบรกเกอร์ในการตัดไฟเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน ไม่ควรใช้ปลั๊กระบบฟิวส์ ที่ต้องคอยเปลี่ยนอยู่เรื่อยๆ และยากต่อการตรวจเช็ก
ข้อดีของการใช้ปลั๊กไฟ หรือปลั๊กพ่วงที่มีมาตรฐาน
ไม่ใช่แค่เรื่องความปลอดภัยในทรัพย์สิน และชีวิตเท่านั้นที่เป็นข้อดีของการใช้ปลั๊กไฟที่มีมาตรฐาน แต่ปลั๊กที่มีมาตรฐาน จะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า แถมยังช่วยประหยัดค่าไฟได้มากขึ้นด้วย และที่สำคัญยังช่วยป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจ