ใครทำอยู่ต้องหยุด! พฤติกรรมทำตู้เย็นพัง ถ้าไม่อยากซื้อใหม่

ใครทำอยู่ต้องหยุด! พฤติกรรมทำตู้เย็นพัง ถ้าไม่อยากซื้อใหม่

ตู้เย็นส่วนใหญ่แล้วจะมากกว่า 5 ปี แต่ถ้าหมั่นดูแลรักษาดี ๆ อาจใช้งานได้ถึงสิบปีหรือมากกว่านั้น แต่สำหรับบางบ้านอาจจะเจอปัญหาพัง ชำรุด ทั้งที่เพิ่งใช้งานได้ไม่นาน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นเสื่อมสภาพก่อนอายุการใช้งานจริงก็มาจากพฤติกรรมของผู้ใช้งานด้วย มาดูกันค่ะว่าพฤติกรรมที่ว่านี้มีอะไรบ้าง

 1. ตั้งค่าอุณหภูมิในตู้เย็นสูงไป อุณหภูมิที่เหมาะสมของตู้เย็นคือ 0-4 องศาเซลเซียส เพราะถ้าสูงไปกว่านี้แบคทีเรียจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่สามารถเก็บรักษาความสดของอาหารไว้ได้ แถมยังเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อราในตู้เย็นด้วย สำหรับช่องฟรีซอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ -18 องศาเซลเซียส

2. ตั้งตู้เย็นชิดผนังเกินไป ตู้เย็นจะระบายความร้อนผ่านที่อยู่คอมเพรสเซอร์ด้านหลัง ฉะนั้นเพื่อให้มีการระบายความร้อนที่ดี จึงไม่ควรตั้งตู้เย็นชิดผนังเกินไป ระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างตู้เย็นและผนังคือ 15 เซนติเมตรขึ้นไป

3. ตั้งใกล้แหล่งความร้อน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งไว้ในจุดที่ถูกแสงอาทิตย์โดยตรง เตาแก๊ส หม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้า หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ที่เป็นแหล่งกำเนิดความร้อน ไม่ควรตั้งไว้ใกล้กับตู้เย็น เพราะจะทำให้ตู้เย็นระบายความร้อนไม่ดี นอกจากนี้ยังทำให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้นและยังสิ้นเปลืองไฟอีกด้วย

4. นำอาหารร้อนเข้าตู้เย็น การนำของร้อนเข้าแช่ตู้เย็นจะทำให้ไอของน้ำยาแอร์ก่อนเข้าคอมเพรสเซอร์ร้อน ส่งผลให้ไม่สามารถทำหน้าที่หล่อเย็นคอมเพรสเซอร์ได้เพียงพอ อายุการทำงานของระบบภายในก็จะสั้นลง นอกจากนั้นแล้วความร้อนยังจะทำให้อุปกรณ์ภายในตู้เย็น อย่างเช่น ภาชนะรอง ผนังตู้เย็น เสื่อมสภาพอีกด้วย

5. แช่ของแน่นเกินไป การแช่ของในตู้เย็นแน่นเกินไปจนไม่มีช่องว่างเหลือ จะทำให้ความเย็นไหลเวียนไม่ทั่วถึง ทำให้ตู้เย็นทำงานหนัก เพื่อให้เย็นเท่ากันทั่วตู้ ช่องแช่ของตรงประตูก็ไม่ควรแช่อาหารหรือขวดน้ำเยอะเกินไป เพราะประตูตู้เย็นจะรับน้ำหนักไม่ไหว เป็นเหตุให้ประตูตู้เย็นชำรุดและอาจจะส่งผลให้ขอบยางประตูตู้เย็นเสื่อมสภาพได้ 6

6. ไม่รองถาดเก็บอาหาร อาหารสดอย่างเช่น เนื้อสัตว์หรือผักสด ถึงแม้จะอยู่ในถาดโฟมหุ้มพลาสติกอย่างดีแต่อย่างไรแล้วก็ควรรองภาชนะเวลาเอาแช่ตู้เย็น เนื่องจากสิ่งสกปรกและสารเคมีที่ติดมากับบรรจุภัณฑ์อาจจะปนเปื้อนกับอาหารอย่างอื่นและก่อให้เกิดคราบสกปรกกับตู้เย็นได้

7. ปล่อยให้ตู้เย็นว่าง จริงอยู่ที่ไม่สมควรแช่ของในตู้เย็นเยอะ แต่การปล่อยให้ตู้ว่างเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน เพราะถ้าปล่อยให้ตู้เย็นว่างหรือมีพื้นที่ว่างมาก ความร้อนจากภายนอกจะเข้าไปในตู้เย็นได้มากขึ้นตอนเปิดประตู ซึ่งส่งผลให้ตู้เย็นทำงานหนักขึ้น ถ้าไม่ค่อยได้ทำอาหารกินเอง ไม่มีของสดมาแช่ อย่างน้อยก็ให้หาขวดน้ำมาแช่ไว้

8. เสียบปลั๊กตู้เย็นรวมกับปลั๊กอื่น ๆ ในเต้ารับเดียวกัน เนื่องจากตู้เย็นนั้นใช้กำลังไฟฟ้าเยอะ ดังนั้นควรเสียบปลั๊กตู้เย็นโดยตรงกับเต้ารับเพียงหนึ่งอันเท่านั้น ไม่ควรต่อปลั๊กตู้เย็นเข้ากับเต้ารับที่ต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายชิ้น ตอนเสียบปลั๊กต้องเสียบให้สนิทด้วย เพราะถ้าเสียบไม่สนิท อาจทำให้เกิดประกายไฟได้

9. ปล่อยให้น้ำแข็งเกาะตู้หนาเกินไป ถ้าตู้เย็นที่ใช้อยู่ไม่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ ควรกดละลายน้ำแข็งอยู่เสมอ ไม่ควรปล่อยให้น้ำแข็งเกาะสะสมจนหนา เพราะจะทำให้ตู้เย็นทำงานหนักและเป็นสาเหตุที่ทำให้ตู้เย็นเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

10. ใช้ของมีคมงัดแงะน้ำแข็งในตู้เย็น เนื่องจากในตู้เย็นจะมีฉนวนความเย็น การนำมีด ช้อน ส้อม หรือของมีคมมางัดแงะน้ำแข็งอาจทำให้ทะลุไปถึงฉนวน และทำให้ฉนวนภายในตู้เย็นเสียหายได้ ทางที่ดีให้กดละลายน้ำแข็งตามระบบของตู้เย็นดีกว่า

11. ทำความสะอาดไม่ถูกวิธี ในการทำความสะอาดตู้เย็นห้ามใช้สารประเภทน้ำมันเบนซิน ทินเนอร์ หรือแอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดตู้เย็นโดยเด็ดขาด ให้ใช้ผ้านุ่มชุบน้ำสบู่ เช็ดทำความสะอาดตู้เย็นทั้งภายในและภายนอก แล้วใช้ผ้าชุบน้ำที่สะอาดเช็ดอีกรอบ ตามด้วยใช้ผ้าแห้งเช็ดเพื่อซับน้ำและสบู่ออกให้หมดจะดีกว่า

12. แช่เบียร์ น้ำอัดลมไว้ในช่องฟรีซ เบียร์และน้ำอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่มีก๊าซ สามารถขยายตัวได้เมื่อเจอความเย็นจัด ดังนั้นจึงไม่ควรแช่เครื่องดื่มเหล่านี้ไว้ในช่องฟรีซ เพราะจะทำให้เกิดการระเบิดได้ ให้แช่ไว้ในช่องแช่ปกติก็พอ

13. นำสารเคมีและสารไวไฟเข้าตู้เย็น นอกจากสกินแคร์ไม่ควรที่จะเก็บไว้ในตู้เย็นแล้ว สารเคมีอื่น ๆ อย่างเช่น สีและสารไวไฟ ก็ไม่ควรนำไปเก็บไว้ในตู้เย็นเช่นกัน เพราะอาจทำให้เกิดการเจือปนกับอาหารและอาจเกิดปฏิกิริยากับความเย็น ทำให้เป็นอันตรายได้

14. เปิดตู้เย็นทิ้งไว้ ไม่ควรเปิดตู้เย็นทิ้งไว้นาน ๆ เพราะความร้อนจะเข้าไปภายในตู้เย็น เมื่อสูญเสียความเย็นตู้เย็นต้องเริ่มทำงานสะสมความเย็นใหม่ ส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนัก ทำให้เปลืองไฟและทำให้อายุการใช้งานของตู้เย็นลดลง

15. ไม่ตรวจสอบสภาพการทำงานของตู้เย็น ควรหมั่นตรวจสอบสภาพของตู้เย็นบ่อย ๆ ถ้าส่วนใดชำรุดก็ให้รีบเปลี่ยนรีบซ่อมก่อนที่จะเป็นปัญหาบานปลาย อย่างเช่น การตรวจสอบสภาพของขอบยางประตูตู้เย็น ให้ใช้กระดาษแทรกลงไประหว่างยางและประตูตู้เย็น ปิดตู้เย็นสนิท ถ้าสามารถขยับกระดาษที่แทรกขึ้น-ลงได้อย่างสะดวก แสดงว่ายางตู้เย็นเสื่อม

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ