รู้ทัน 7 โรค ที่แฝงตัวมากับฤดูหนาว อันตรายที่หลายคนไม่ทันคิด
เรียกได้ว่า ใกล้เข้าฤดูหนาวแล้ว บางท่านเริ่มจะไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวกัน วันนี้จะพาไปดู 7 โรคที่มาพร้อมฤดูหนาว จะได้ระมัดระวังกันไว้
1. โรคไข้หวัด
-อาการ มีไข้ต่ำ คัดจมูก มีน้ำมูกใส ทั้งไหลทางจมูกและไหลลงคอ จาม เจ็บคอ ไอ และน้ำตาไหลหรือตาบวมๆ ร่วมด้วย
-การดูแลรักษา ไข้หวัดเกิดจากไวรัส ซึ่งร่างกายรักษาได้เอง แต่เราสามารถรับประทานยาเพื่อบรรเทาอาการบางอย่างได้ เช่น หากมีไข้ให้รับประทานยาลดไข้ มีอาการไอให้ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ น้ำมูกไหลให้ทานยาลดน้ำมูก ยาปฏิชีวนะไม่จำเป็นสำหรับไข้หวัด หากน้ำมูกเริ่มข้นเหนียว และเปลี่ยนสีเป็นเหลืองใน 2-3 วัน เป็นอาการปกติ แต่หากไข้สูงขึ้นอาจพิจารณาใช้ยาปฏิชีวนะ และใช้ครบคอร์สตามที่แพทย์และเภสัชกรแนะนำ
-การป้องกัน ออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง ทำร่างกายให้อบอุ่นสม่ำเสมอ สวมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อเข้าที่ชุมชน เพื่อป้องกันทั้งตัวท่านเองและผู้อื่น
2. ไข้หวัดใหญ่
-อาการ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร คลื่นไส้
-การดูแลรักษา ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นไข้หวัดจะหายเอง หากภายใน 3 วัน อาการไม่ดีขึ้นให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้
-การป้องกัน สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยง หรือไม่คลุกคลีกับผู้ที่มีอาการไข้หวัด และควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง
2. ไข้หวัดใหญ่
-อาการ มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ เบื่ออาหาร คลื่นไส้
-การดูแลรักษา ส่วนใหญ่ผู้ที่เป็นไข้หวัดจะหายเอง หากภายใน 3 วัน อาการไม่ดีขึ้นให้พบแพทย์เพื่อทำการรักษาที่เหมาะสม เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อนได้
-การป้องกัน สวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่สม่ำเสมอ หลีกเลี่ยง หรือไม่คลุกคลีกับผู้ที่มีอาการไข้หวัด และควรฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ปีละ 1 ครั้ง
4. โรคหัด
-อาการ มีไข้สูง มีน้ำมูก ไอ ตาแดง พบจุดสีเทาขาวบริเวณกระพุ้งแก้มตรงข้ามกับฟันกรามซี่ใน โรคนี้มักพบในเด็ก
-การดูแลรักษา พบแพทย์ และรักษาตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด หากมีอาการไข้ สามารถรับประทานยาลดไข้ พักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
-การป้องกัน ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคหัดสำหรับเด็ก และผู้ใหญ่ที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน
5. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน
-อาการ ถ่ายเหลวหรือถ่ายเป็นน้ำหลายครั้ง ปวดท้อง แต่หากเด็กทารกท้องเสีย จะถือว่าเป็นภาวะอันตรายถึงชีวิต
-การดูแลรักษา เมื่อมีอาการท้องเสียให้จิบเกลือแร่บ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ หรือรับประทานยาบรรเทาอาการท้องเสีย ไม่ควรกินยาหยุดถ่าย เพราะ ทำให้เก็บเชื้อโรคไว้ในลำไส้ และทำให้กำจัดเชื้อโรคได้ช้าลง
-การป้องกัน รับประทานอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ถูกสุขอนามัย รวมถึงดื่มน้ำสะอาด หมั่นล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำสม่ำเสมอ
6. โรคภูมิแพ้
-อาการ มีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นมากขึ้นกว่าปกติ โดยอาการจะเกิดขึ้นในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย
-การดูแลรักษา ใช้ยาเพื่อควบคุมอาการตามที่แพทย์หรือเภสัชกรร้านยาแนะนำอย่างสม่ำเสมอ รับประทานยาแก้แพ้ และใครที่เป็นภูมิแพ้ ไม่ควรงด หรือลดการรับประทานยาในช่วงฤดูหนาว
-การป้องกัน สวมใส่หน้ากากอนามัย ดูแลร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ และให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ รับประทานอาการที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
7. โรคอีสุกอีใส
-อาการ เกิดจากเชื้อไวรัส มักเป็นได้บ่อยในวัยรุ่น เป็นไข้อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร และมีผื่นขึ้นเริ่มจากลำตัว ใบหน้า และลามไปแขนขา มักมีอาการคันร่วมด้วย ต่อมาจะกลายเป็นตุ่มน้ำอย่างรวดเร็ว และตกสะเก็ดในที่สุด สะเก็ดจะหลุดหายในเวลา 5-20 วัน
-การดูแลรักษา ส่วนใหญ่อาการจะหายเอง หากมีไข้สูงสามารถรับประทานยาพาราเซทามอลได้ ไม่ควรใช้ยากลุ่มแอสไพรินเด็ดขาด แต่ตุ่มที่ผิวหนังมีความเสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรีย สามารถปรึกษาการใช้ยาเพิ่มเติมได้ที่เภสัชกรร้านขายยาใกล้บ้าน
-การป้องกัน หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ป่วยที่เป็นโรคอีสุกอีใส และฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรค
ข้อมูลจาก สามัคคีเภสัช