เห็นหนูน้อยไม่ยอมไปเล่นกับเพื่อน แอบตามไปดูที่บ้านทำน้ำตาไหล โถ่ลูกเอ๊ย
วันนี้ 18 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าว จ.ปราจีนบุรีรายงานว่า ได้รับแจ้งจากนายเฉลิม เกียรติบรรจง อายุ 60 ปี ทนายความ และ อดีตผู้สมัคร สส.ปราจีนบุรีหลายสมัยตามที่ตนเองได้รับการประสานงานจากครูประจำชั้น – ญาติ ของเด็กนักเรียนหญิงยอดกตัญญู “วัลลี 2”เด็กหญิง กัญญาพัชร หรือใบเฟิร์น บัวเรือง อายุ 11 ปี ชั้น ป. 5 ที่กำลังเรียนเพียงในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อายุ 11 ปี โรงเรียนอนุบาลกบินทร์บุรี ที่ทุกวันมีภาระรับผิดชอบ -เสาหลักในการต้องช่วยดูแล พ่อคือ นาย สุวัฒชัย หรือต้อม บัวเรือง อายุ 43 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป แต่ได้เกิดอุบัติเหตุ รถ จยย.คว่ำขณะขับขี่ ด้วยตนเอง ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงจนไม่สามารถช่วยเหลือตนเองและทำกินได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.66 ถึง ในขณะนี้
และ ต่อมาระยะเวลา ไล่เลี่ยกันไม่ถึงเดือน ย่าได้แก่ นางธงชัย บัวเรือง อายุ 70 ปี จู่ ๆ ได้เกิดป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ กลายเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก(ซ้าย) แขน – ขา (ฝั่งซ้าย) ยกไม่ได้ ยกได้เฉพาะมือ-ขาฝั่งขวา เคลื่อนที่ไปไหนไม่ได้ จะต้องมีคนคอยยก-จับจึงจะขยับได้ป่วยติดเตียงเช่นกันไปอีกราย มีคนที่แบกรับภาระในการหาเลี้ยงครอบครัวเพียงคนเดียวคือ ปู่ที่นายประดิษฐ์ บัวเรือง อายุมากถึง 75 ปี ของเด็กหญิง ซึ่งต้องทำกินเลี้ยงดูคนทั้งบ้าน รวม 4 ชีวิต โดยไปทำงานรับจ้างที่ กทม.
ภาระในการดูแลบ้าน,หุงข้าว ทำกับ ข้าว เช็ดตัว เปลี่ยนผ้าแพมเพิส เทปัสสาวะ ซักเปื้อนอุจจาระ ดูแลนติดเตียงทั้ง พ่อ และ ย่า จึงต้องเป็นหน้าที่ของเด็กนักเรียนหญิงยอดกตัญญู “วัลลี 2” วัยแค่ 11 ปี เพียงลำพังไปทั้งบ้าน
จะมีเพียงบางเวลาที่ญาติที่บ้านใกล้เคียงกัน จะมาช่วย โดย“วัลลี 2” จะช่วยดูแล ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา หุงหาข้าวปลา เตรียมอาหาร ทำความสะอาดบ้าน เช็ดตัวให้พ่อ ให้ย่า ,เปลี่ยนแพมเพิส ,ป้อนข้าวให้พ่อที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย และ เตรียมอาหารมาให้ย่าที่ยกมือขวาได้เองข้างเดียว จากนั้นขี่รถจักรยานถีบที่มีคนให้มาก่อนหน้านี้เพราะสงสาร ไปโรงเรียน ที่ตั้งห่างจากบ้านกว่าเกือบ 1 กม เศษ
และเมื่อโรงเรียนพักกลางวัน หลังรับประทานอาหารกลางวันแล้ว นักเรียนหญิงยอดกตัญญู “วัลลี 2” จะขออนุญาตครูประจำชั้นรีบปั่นรถจักรยานถีบกลับมาดูแลพ่อ – ย่า ที่ป่วยติดเตียงทั้งคู่จนแล้วเสร็จจึงรีบกลับไปเรียนหนังสือพร้อมเพื่อนร่วมชั้นเรียน มีบางเวลาที่ครู หรือทางแม่ครัวโรงเรียนนำกับข้าว –ข้าวให้หนูน้อยติดมาป้อนพ่อ – ย่า แต่ต้องเหลือจากเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ อยากให้สื่อมวลชนช่วยสะท้อนภาพความกตัญญูของ น้อง“วัลลี 2” ให้ คนที่เมตตาได้ช่วยเหลือตามที่ได้นำเสนอก่อนหน้านี้โดยละเอียดแล้วนั้น และ ในวันนี้ ทางนายชัยทัต ชัยสิทธิ์นายกเทศมนตรีเทศตำบลเมืองเก่า พร้อมด้วยพัฒนาสังคมและความั่นของมนุษย์ จ.ปราจีนบุรี (พม.) นางสาว ปภัทรนันท์ ชูติติพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 อสม. และ เพื่อนบ้าน ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ได้ลงพื้นที่มาเยี่ยม 2ผู้ป่วยติดเตียง นาย สุวัฒชัย หรือต้อม บัวเรือง อายุ 43 ปีและ นางธงชัย บัวเรือง อายุ 70 ปี ที่มีเด็กนักเรียนหญิงยอดกตัญญู “วัลลี 2”เด็กหญิง กัญญาพัชร หรือใบเฟิร์น บัวเรือง อายุ 11 ปี ชั้น ป. 5 คอยดูแล
ผู้สื่อข่าว ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่บ้านเลขที่บ้าน 6/1 หมู่ 11 บ้านดงเย็น ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ด้านหลังวัดหลวงบดินทร์เดชา มาที่หมู่บ้านดงเย็น เทศบาลตำบลเมืองเก่า หมู่ 9 ต.เมืองเก่า อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่งไม้ครึ่งปูน
พบนายชัยทัต ชัยสิทธิ์นายกเทศมนตรีเทศตำบลเมืองเก่า พร้อมด้วยพัฒนาสังคมและความมั่นของมนุษย์ จ.ปราจีนบุรี (พม.) นางสาว ปภัทรนันท์ ชูติติพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 อสม. และ เพื่อนบ้าน ได้สอบถามอาการ พร้อมนำของช้ำเป็น อาทิ ผ้าแพมเพิส มาช่วยเหลือ
นายชัยทัต กล่าวว่า ในวันนี้ได้มาสอบถามความเป็นอยู่ และ ความต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องเบี้ยคนพิการให้กับทางนายสุวัฒชัยหรือต้อม อายุ 43 ปี ตลอดรวมถึง การที่จะช่วยประสานงานกับทางครูประจำชั้นทราบชื่อคือนางชรินทร์ทิพย์ เจริญทอง ตำแหน่งครู เป็นคุณครูประจำชั้น ป.5 ที่ได้รับมอบหมายจากนายปิยะศักดิ์ ผ.อ.สถานศึกษา โรงเรียนอนุบาลกบินทร์บุรี ซึงได้มาเยี่ยมบ้านเพื่อทำบันทึกเรื่องดังกล่าวนี้ นำเสนอต่อสำนักงานการประถมศึกษาเขต 2 ปราจีนบุรี ในการยื่นเรื่องเกี่ยวกับในการทำเรื่องขอรับทุนการศึกษาในการช่วยเหลือแก่ เด็กนักเรียนหญิงยอดกตัญญู “วัลลี 2”เพิ่มเติม นอกจากเงินทุนการศึกษายากจนขั้นพื้นฐาน ที่ทางโรงเรียนได้มอบให้กับ “วัลลี2” ที่ฐานะยากจนก่อนหน้านี้ พร้อมพบภาพน่าชื่นชม ในความกตัญญูที่หนูน้อย “วัลลี2” เด็กหญิง กัญญาพัชร หรือใบเฟิร์น ช่วยดูแลพ่อคือ นายสุวัฒชัยหรือต้อม อายุ 43 ปีในการเช็ดตัว ,เปลี่ยนผ้าเพิมเพิส, หาอาหาร – ป้อนข้าว น้ำ ,หุงข้าว โดยพ่อของเธอติดเตียง พร้อม ๆ ช่วยย่าคือ นางธงชัย อายุ 70 ปี จัดเตรียมอาหารมาให้ย่า ที่ย่าพอใช้มือขวาตักกินอาหารเองได้บ้าง
ขณะที่ 2เพื่อนบ้าน ได้แก่นางทองดี ทรัพย์สง่า อายุ 76 ปี กับ นางโสภา เอี่ยมสะอาด อายุ 79 ปี กล่าวว่า ชื่นชมในความกตัญญูของเด็กในวัยนี้ สมัยนี้ที่หาได้ยากมาก โดยพ่อของน้องใบเฟิร์นป่วยเป็นคนป่วยติดเตียงก่อน เนื่องจากประสบอุบัติเหตุขณะขับขี่รถ จยย.ด้วยตนเองก่อน แต่ ต่อมา ย่าที่เป็นคนเฝ้าพ่อระหว่างพ่อป่วยได้ประมาณ 1 อาทิตย์ต่อมาย่าก็ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงไปอีก 1 คน ในต้นเดือน ก.ย. 66 นี้ น้องใบเฟิร์นสามารถให้การดูแลช่วยเหลือผู้ใหญ่ทั้ง 2 ได้ ทั้งหุงหาอาหาร เช็ดตัว เทปัสสาวะ ซักผ้าขี้-ผ้าเยี่ยว ไม่รังเกียจ เวลาไปโรงเรียน หนูใบเฟิร์น ก็ขอออกมาดู แลย่ากับพ่อตอนช่วงพักกลางวันหลังจากรับประทานอาหารที่โรงเรียนเสร็จ ซึ่งพ่อ และย่า ที่ทั้ง 2 ป่วยติดเตียงทั้งคู่ระยะทางจากโรงเรียนมาบ้านเกือบ 1กม. เพื่อมาทำหน้าที่ดูแล ป้อนข้าว น้ำ เช็ดตัว เปลี่ยนผ้าแพมเพิส เทปัสสาวะ เช็ดอุจจาระ ทางโรงเรียนก็ให้กับข้าว –ข้าวให้มาเผื่อบ้างหากเหลือจากที่เด็กนักเรียนกินเสร็จ นางทองดี และ นางโสภา กล่าว
ขณะ เด็กหญิง กัญญาพัชร หรือใบเฟิร์น บัวเรือง “วัลลี2” อายุ 11 ปี กล่าวว่า กำลังเรียนอยู่ ระดับชั้น ป.5โรงเรียนอนุบาลกบินทร์บุรี สังกัดสำนักงานเขต ประถมศึกษาเขต 2 ปราจีนบุรี ที่บ้านอยูกัน 4 คนคือ ปู่ –ย่า พ่อ และตนเอง แต่ปู่ไปทำงานที่กทม. เลี้ยงครอบครัว พ่อและย่าป่วยติดเตียง ภาระกิจประจำวันตนเอง ตื่นนอนมาล้างหน้าหุงข้าวแต่งตัวแล้วต้องคอย เปลี่ยน แพมเพิส เช็ดตัวให้พ่อ หาข้าวให้ย่าและ ป้อนข้าวพ่อแล้วไปโรงเรียน เรียนหนังสือ และพักกลางวันต้องกลับมาดูแลอีกรอบเพราะไม่มีใคร อยากเล่นกับเพื่อน แต่ก็ไม่ได้ไปเล่น เพราะต้องดูแล ย่ากับพ่อ อนาคตอยากเป็นพยาบาล เด็กหญิง กัญญาพัชร หรือใบเฟิร์น กล่าว
ด้านนายสุวัฒชัย บัวเรืองอายุ 43 ปี ผู้เป็นพ่อ กล่าวว่า ก่อนป่วยติดเตียงมีอาชีพรับจ้างทั่วไป ได้เกิดอุบัติเหตุรถล้มช่วงไปทำงานเนื่องจากวูบ ไปตื่นที่ รพ.ทำให้ขยับตัวไม่ได้ มีลูกสาว 1 คน ขาดรายได้ทันที หลังจากป่วยยังไม่ได้ทำบัตรคนพิการ รักลูกสาว ส่วนภรรยาเลิกกัน นายสุวัฒชัย กล่าว
ขณะ นางสาว ปภัทรนันท์ ชูติติพันธ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 กล่าวว่า ให้ อสม.ได้ดูแลผู้ป่วยติดเตียงทั้ง 2เบื้องต้น โดยน้องผู้ชายยังไม่ได้เบี้ยคนพิการเพราะเพิ่งเป็นได้ ประมาณ 2 เดือนกว่า นางสาว หรือนางกล่าว
ด้านนางธงชัย บัวเรือง อายุ 70 ปี กล่าวว่า ย่า เป็นห่วงหลานสาว กลัวคนมาทำอันตราย เมื่อก่อนสมัยที่เดินได้นั้นเคยไปส่งหลานไปโรงเรียนเอง แต่ตอนนี้หลานต้องไปเอง ให้ตังค์ไปโรงเรียนวันละ 30 บาท บางวันก็ได้ 20 บาท เพราะว่าไม่ค่อยมีตังค์
พ่อแม่เด็ก แยกทางกัน เลี้ยงหลานมาตั้งแต่ เล็กๆ เมื่อก่อนตนก็ทำมากินได้ ก็เก็บขยะ-ของเก่าจำพวกกระดาษ,ขวดขาย หาขุดปูนามาดองขาย เก็บผักบุ้ง หาหน่อไม้ป่าดองขาย แต่เป็นหนี้ ธกส. และ นอกระบบ จำนวนประมาณ 5-6 แสนบาท ไม่มีเงินส่งต้น – ดอกเบี้ย บ้านก็โดนยึด ด้วยความที่สูงอายุ ไม่เคยตรวจรักษา ทำให้เครียด คิดมาก ต่อมาเส้นเลือดตีบ ป่วยเดินไม่ได้ เป็นอัมพฤกษ์ทั้งซีกซ้าย ประมาณเดือนครึ่งแล้ว หลานสาวคือใบเฟิร์นนอนด้วย ส่วนพ่อก็เรียกทั้งคืน ใบเฟิร์นต้องลุกมาดูแล พ่อ ตลอดคืน เวลาพ่อเรียก ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือ ไม่ได้ไปเล่นกับเพื่อน เพราะต้องดูแลย่ากับพ่อ 2 คน หลานก็ไม่มีคนส่งเรียน ถ้าใครอยากจะอุปถัมภ์ก็ยินดี ซึ่ง สามารถช่วยเหลือ ได้ที่ เบอร์โทรศัพท์ ด.ญ. กัญญาพัชร บัวเรือง (น้องใบเฟิร์น) เบอร์โทร 093-185-4179 เบอร์โทรผู้ใหญ่บ้าน 062-561-62 69 อยากฝากถึงท่านนายกรัฐมนตรี “นิด” หรือ ท่านเศรษฐาด้วย นางธงชัยกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม สำหรับ ... วัลลีเด็กหญิงยอดกตัญญู เป็นเรื่องในอดีต ย้อนไปเมื่อประมาณ เกือบ 40 ปีที่แล้ว คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก วัลลี บุญเส็ง หรือ วัลลี ณรงค์เวทย์ เด็กหญิงยอดกตัญญู ที่ต้องวิ่งกลับบ้านไปป้อนข้าวแม่ที่ป่วยและยายที่ตาบอด ทั้งที่ในตอนนั้นเธอมีอายุแค่ 12 ปี
ซึ่งเรื่องราวของเธอถูกเล่าขานและกลายเป็นที่ยกย่องในความกตัญญูกตเวที จนกลายมาเป็นบุคคลต้นแบบในสังคมไทยอยู่ช่วงหนึ่ง และมีการนำเรื่องราวชีวิตของวัลลี มาทำเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์
วัลลี บุญเส็ง หรือชื่อเดิมคือ วัลลี ณรงค์เวทย์ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2511 ที่ จ.สมุทรสาคร ปัจจุบัน วัลลีแต่งงานกับ พ.ต.ท. ธนพัฒน์ บุญเส็ง สว.ฝอ.3 ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสงคราม (ขณะนั้นชื่อว่า ส.ต.ท.บุญเรือน บุญเส็ง) และมีบุตร 2 คนคือ บุญรัตน์ บุญเส็ง และณรงค์เวทย์ บุญเส็ง
วัลลี บุญเส็ง ในวัยเด็ก และความโด่งดังจนได้ฉายา วัลลี ยอดกตัญญู วัลลี บุญเส็ง โด่งดังจากการที่เธอได้เลี้ยงดูนางวิไล ณรงค์เวทย์ มารดา และคุณยายของเธอตามลำพัง ทั้งที่ในตอนนั้น วัลลีเพิ่งมีอายุเพียง 12 ปี เรียนอยู่ชั้น ป.5 โรงเรียนวัดโรงธรรม อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เธอต้องแบกรับภาระ วิ่งไปมาระหว่างบ้านและโรงเรียนเป็นเวลา 8 กิโลเมตรทุก ๆ วัน เพื่อที่จะป้อนข้าวป้อนน้ำให้แม่และยาย
จากนั้น ครูที่โรงเรียนวัดทรงธรรม ได้ทราบถึงความกตัญญูของวัลลี ครูจึงพยายามช่วยเหลือ และเรื่องราวของเธอ จึงได้ไปปรากฏในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และทำให้มีหลายหน่วยงานเข้ามาให้ความช่วยเหลือ พร้อมกับนำเรื่องราวราวของวัลลี ไปสร้างเป็นละครโทรทัศน์และภาพยนตร์ โดยเฉพาะภาพยนตร์เรื่อง วัลลี ที่ส่งผลให้ สมฤดี นุ่มอำพันธ์ ผู้รับบทวัลลี โด่งดังและมีงานเข้ามามากมาย
เรียบเรียงโดย ชัชวาล ศิริปิ่น ทีมข่าวสยามนิวส์ จังหวัด ปราจีนบุรี