ประเทศไทยมีชื่อเสียงเกี่ยวกับผลไม้เมืองร้อนและเมืองหนาว ผลไม้ไทยมีทั้งรส หวาน และรสเปรี้ยว ผลไม้ไทยแบ่งออกได้เป็น สองอย่าง คือ ผลไม้ที่ออกตามฤดู ได้แก่ มะม่วง ทุเรียน เงาะ ลำ ใย น้อยหน่า มังคุด และ ลิ้นจี่ และผลไม้ที่ออกผลตลอดทั้งปี ได้แก่ สับปะรด กล้วย มะละกอ และขนุน นอกจากลำ ใย และลิ้นจี่แล้ว ไม่นานมานี้ ไทยก็ปลูกผลไม้เมืองหนาวได้อีกหลาย ชนิด เช่น แอปเปิ้ล ลูกท้อ และสตรอเบอรี่ ทางภูเขาภาคเหนือของประเทศไทย ส่วนภาค กลางก็ปลูกผลไม้ได้แทบทุกฤดูเช่น ส้มโอ กล้วย ฝรั่งและองุ่น ภาคตะวันออกและ ภาคใต้ ก็มี ผลไม้ที่มีชื่อเสียงมาก ได้แก่ เงาะ มังคุด ลองกอง และ ทุเรียน เพราะว่าชาวสวนไทยชอบ ทดลองปลูกผลไม้นานาชนิดอยู่ตลอดเวลา จึงทำ ให้ตลาดผลไม้ที่ประเทศไทยมีผลไม้หลายอย่าง ขายทั้งปี

วันนี้จะมาแนะนำ 5 ผลไม้ไทย ให้ได้ประโยชน์

ผลไม้อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารต้านอนุมูลอิสระ ใน 1 วันควรกินผลไม้ 3-5 ส่วน และกินให้หลากหลายเพราะในผลไม้แต่ละชนิดก็จะมีวิตามิน แร่ธาตุ มากน้อยแตกต่างกันไป โดยผลไม้ไทยทั้ง 5 ชนิด จะให้คุณค่าสารอาหารและสรรพคุณที่ดีต่อร่างกายต่างกันไปด้วย โดยควรกินในปริมาณที่เหมาะสมต่อมื้อ ดังนี้

1.มังคุด มีสารแซนโทน มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดการปวดข้อเข่า 1 ส่วนเท่ากับ 4 ผล

2.ลำไย เป็นแหล่งวิตามินซี แต่ให้น้ำตาลสูง ควรกินแต่พอดี 1 ส่วน เท่ากับ 5-6 ผล

3.ลองกอง เป็นแหล่งโพแทสเซียมและใยอาหาร มีสรรพคุณ ในการลดความร้อนที่เกิดขึ้นภายในร่างกาย ลดอาการร้อนในช่องปาก 1 ส่วน เท่ากับ 5-6 ผล

4.เงาะ มีวิตามินซี แคลเซียม ช่วยในการป้องกันโรคหวัด เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและฟัน 1 ส่วน เท่ากับ 4 ผล

5.ทุเรียน มีเบต้าแคโรทีนและโพแทสเซียม แต่เป็นผลไม้ที่มีรสหวานมัน ให้พลังงานสูง 1 ส่วน เท่ากับ 1 เม็ดเล็ก

ทุเรียน น้ำตาลสูง ไม่เหมาะสำหรับทุกคน สำหรับทุเรียน เป็นผลไม้ที่ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน จึงต้องจำกัดการกินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากกินเข้าไปในปริมาณมาก จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว การกินทุเรียนที่มากเกินไปจะทำให้ร้อนในและรู้สึกไม่สบายเนื้อ ไม่สบายตัว

เลี่ยงน้ำตาลจากผลไม้แปรรูป เพื่อให้ได้ประโยชน์จากผลไม้จริง ๆ ควรเลือกกินผลไม้สดในปริมาณที่เหมาะสมแทนผลไม้กระป๋องหรือผลไม้อบแห้ง เพื่อให้ร่างกายได้คุณค่าทางโภชนาการที่ดีกว่า

เรียบเรียง news.in.th